Tumgik
#เอดส์ระยะแรก
youtube
(via https://www.youtube.com/watch?v=AC2u6yvCPms)
“CD4 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย APCOcap” - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - อย่างที่ทราบกันว่าปัญหาหลักๆ ของผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีค่า CD4 ต่ำกว่า 50 cells/cu.mm. คือ 1. ต้องดูแลร่างกายอย่างไร จึงจะทำให้ค่า CD4 เพิ่มขึ้นเร็วที่สุด และค่า Viral Load (VL) (ปริมาณเชื้อไวรัส) ลดลงจนถึงระดับที่ตรวจไม่พบ 2. ทำอย่างไรจึงจะลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านไวรัสลงให้มากที่สุด ในช่วงที่ค่า CD4 ต่ำมากๆ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - จากการที่ผู้เชี่ยวชาญของเราได้แนะนำให้ใช้ APCOcap แก่ผู้ที่มีค่า CD4 ต่ำกว่า 50 cells/cu.mm. ได้ใช้ในปริมาณ 6-9 แคปซูล/วัน พบว่า APCOcap ในระยะเวลาเพียง 3-4 เดือน สามารถทำให้ - ค่า CD4 เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง - ค่า Viral Load (ปริมาณเชื้อไวรัส) เหลือน้อยจนตรวจวัดไม่ได้ (น้อยกว่า 40 copies/ml) - อาการข้างเคียงที่เกิดจากยาต้านไวรัสลดลงอย่างมาก บางรายไม่มีอาการข้างเคียงจากผลของยาต้านไวรัสหลงเหลืออยู่เลย - ผลการตรวจเลือด (CBC) รวมทั้งผลการตรวจค่าตับและไตก็เป็นปกติ - ทุกรายมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติ = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = ประสบการณ์จากผู้ใช้ APCOcap 3 ราย ที่มี CD4 เพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก มีดังนี้ *** รายที่ 1 : จาก 13 cells/cu.mm เป็น 350 cells/cu.mm หรือเพิ่มขึ้น 2,592.30% *** รายที่ 2 : จาก 9 cells/cu.mm เป็น 206 cells/cu.mm หรือเพิ่มขึ้น 2,188.89% *** รายที่ 3 : จาก 6 cells/cu.mm เป็น 303 cells/cu.mm หรือเพิ่มขึ้น 4,950% ) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ข้อมูลโดยละเอียด : รายที่ 1 : ใช้ APCOcap 6 แคปซูลต่อวัน เป็นเวลา 4 เดือน เพศ : ชาย อายุ : ไม่ระบุ ข้อมูลก่อนการใช้ APCOcap : * เพิ่งรับยาต้านไวรัส * ค่า CD4 = 13 cells/cu.mm ปัญหาสุขภาพ มีทั้งผลจากการติดเชื้อ HIV และ ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส : 1. มีอาการวิงเวียนศีรษะ 2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง 3. มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง หลังการใช้ APCOcap 6 แคปซูลต่อวัน เป็นเวลา 4 เดือน : *** ค่า CD4 เพิ่มขึ้นจาก 13 cells/cu.mm เป็น 350 cells/cu.mm หรือเพิ่มขึ้น 2,592.30% ** ค่า VL (จำนวนเชื้อไวรัส) เหลือ น้อยกว่า 40 Copies/ml * ผลการตรวจเลือด (CBC) พบว่า ปกติทุกรายการ * อาการต่างๆ ที่เคยเป็นก่อนการใช้ APCOcap หมดไป * ปัจจุบันสุขภาพโดยรวมปกติ / น้ำหนักเพิ่มขึ้น/ ค่าตับและไต ปกติ/ นอนหลับได้ดีขึ้น _______________________________________________ รายที่ 2 : ใช้ APCOcap 9 แคปซูลต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน เพศ : ชาย อายุ : 32 ปี ข้อมูลก่อนการใช้ APCOcap : * รับยาต้านไวรัสตั้งแต่เดือนม.ค.2559 * ค่า CD4 = 9 cells/cu.mm มีอาการจากการติดเชื้อ HIV และ ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัสและยาอื่นๆ : 1. มีตุ่ม PPE ขึ้นตามผิวหนัง ร่วมกับอาการคัน 2. ปอดอักเสบ/ เหนื่อยหอบ และมีอาการไอ 3. เบื่ออาหาร / น้ำหนักลดลง 3 กก. 4. มีอาการชาตามปลายมือ 5. นอนหลับไม่สนิท/ ร่างกายอ่อนเพลีย ข้อมูลหลังการใช้ APCOcap 9 แคปซูลต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน : *** ค่า CD4 เพิ่มขึ้นจาก 9 cells/cu.mm เป็น 206 cells/cu.mm เพิ่มขึ้น 2,188.89% ** ค่า VL (จำนวนเชื้อไวรัส) เหลือ น้อยกว่า 20 Copies/ml * การหายใจเป็นปกติ / ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ / อาการไอลดลงมาก : หมายเหตุ แพทย์ลงความเห็นว่า ค่า CD4 เพิ่มขึ้นเร็วมาก จึงให้หยุดยาฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียก่อนกำหนด * ตุ่ม PPE และอาการคันลดลงมาก * ผลการตรวจค่าตับและไต พบว่าปกติ * ทานอาหารได้ดี / น้ำหนักเพิ่มขึ้น 6 กก. * อาการชาตามปลายมือลดลง * นอนหลับได้ดีขึ้น/ หน้าตาและผิวพรรณสดใส _______________________________________________ รายที่ 3 : ใช้ APCOcap 9 แคปซูลต่อวัน เป็นเวลา 4 เดือน เพศ : ชาย อายุ : 27 ปี ข้อมูลก่อนการใช้ APCOcap : * รับยาต้านไวรัสตั้งแต่เดือนมี.ค.2559 * ค่า CD4 = 6 cells/cu.mm ปัญหาสุขภาพก่อนใช้ APCOcap : 1. มีตุ่ม PPE และผื่นแดง ขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย (หน้า/ ตามตัว/ แขนขา) 2. มีเชื้อราในช่องปาก / ต่อมทอนซิลอักเสบเป็นหนอง 3. ทานอาหารไม่ได้ / เบื่ออาหาร/ น้ำหนักลดลง 5 กก. 4. มีอาการปวดศีรษะและมีไข้ต่ำๆ ทุกวัน 5. มีอาการชาตามปลายมือและเท้าอยู่เสมอ 6. นอนหลับไม่สนิท / ร่างกายอ่อนเพลีย ข้อมูลหลังการใช้ APCOcap 9 แคปซูลต่อวัน เป็นเวลา 4 เดือน : *** ค่า CD4 เพิ่มขึ้นจาก 6 cells/cu.mm เป็น 303 cells/cu.mm เพิ่มขึ้น 4,950% ** ค่า VL (จำนวนเชื้อไวรัส) เหลือ น้อยกว่า 20 Copies/ml : หมายเหตุ แพทย์ลงความเห็นว่าคนไข้ร่างกายฟื้นตัวเร็วมาก รวมทั้ง ค่า CD4 เพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ * ตุ่ม PPE และผื่นแดงลดลงมาก * ไม่พบเชื้อราในช่องปาก / หายจากอาการต่อมทอนซิลอักเสบ * ทานอาหารได้ดี / น้ำหนักเพิ่มขึ้น 8 กก. * ไม่มีอาการไข้และปวดศีรษะอีก * อาการชาตามปลายมือและเท้าลดลงมาก * นอนหลับได้ดีขึ้น / สุขภาพโดยรวมแข็งแรง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.080-157-6545,092-494-5225 สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่"ศูนย์สร้างภูมิคุ้มกันโรคเอดส์" กรุณากดลิงก์ด้านล่างนี้ หรือค้นหา ID @vpo6121q ที่ LINE หรือ LINE@ (กรุณาใส่ "@" ด้วย แล้วเพิ่มเป็นเพื่อนของคุณ http://line.me/ti/p/%40vpo6121q
0 notes
murielvest · 10 years
Text
New Post has been published on Charme.in.th
New Post has been published on http://www.charme.in.th/%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e/%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b9%8c/
หยุดการแพร่เชื้อโรคเอดส์...เริ่มต้นที่ตัวคุณเอง
เอดส์ 
โรคเอดส์ (AIDS ย่อมาจากชื่อโรค Acquired Immune Deficiency Syndrome) หรือสามารถเรียกได้อีกชื่อว่า “โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง” เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus) โดยเชื้อไวรัส HIV นี้จะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างให้กับร่างกายคนค่ะ ส่งผลให้ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มีภูมิคุ้มกันลดต่ำลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ร่างกายจะไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคใดๆ ได้อีก ทำให้เพิ่มโอกาสการติดเชื้อโรครอบๆ ตัวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา วัณโรค ปอดบวม ติดเชื้อในกระแสโลหิต และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายผู้ที่ติดเชื้อ HIV ก็จะเสียชีวิตเพราะภูมิคุ้มกันไม่ทำงานปกป้องร่างกายอีกต่อไปนี่แหละค่ะ
ในปัจจุบัน พบว่ามีผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วโลกประมาณ 35 ล้านคน เป็นการนับเมื่อสิ้นปี พ.ศ.2555 พบจำนวนสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสนี้แล้วมากกว่า 10 สายพันธุ์ และความหลากหลายของสายพันธุ์นี้เจออยู่ที่แอฟริกามากที่สุด เนื่องจากเป็นแหล่งแรกที่มีการเจอเชื้อตัวนี้ค่ะ และสายพันธุ์ที่พบว่ามีคนติดกันมากถึง 40% ทั่วโลกคือสายพันธุ์ C พบได้ที่แอฟริกา อินเดีย จีน และพม่าค่ะ ส่วนในประเทศไทย มีการคาดคะเนกันว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วประมาณ 1 ล้านคน นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อ พ.ศ.2530 และพบว่ามีอยู่ 2 สายพันธุ์ที่คนไทยติดกันมากที่สุด คือ สายพันธุ์  A/E และ E
วิธีการป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ฺที่ยังมีประสิทธิภาพสูงที่สุดคือ การใช้ถุงยางอนามัยก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง แต่ปัญหาที่หลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยประสบกันมากที่สุดก็คือ ผู้ติดเชื้อ HIV ไม่ทราบ และไม่คาดคิดว่าตัวเองติดเชื้อ HIV ค่ะ!! จึงไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือดมาก่อน ทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไปสู่ผู้อื่นเกิดเป็นวงกว้างและทวีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่รู้ตัวอีกเป็นเท่าทวีคูณ ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงรณรงค์ให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เป็นชายรักชาย เข้ารับตรวจเลือดเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจหาเชื้อ HIV โดยได้ปรับปรุงขั้นตอนการตรวจให้สามารถแจ้งผลการตรวจได้ภายใน 2 ชั่วโมงเท่านั้นเองค่ะ และได้ประกาศให้วันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปีเป็นวันรณรงค์ตรวจเอชไอวีแห่งชาติด้วยค่ะ
เอดส์เป็นโรคร้ายที่ป้องกันได้นะคะ…แต่ถ้าหากเป็นแล้ว และรีบเข้ารับการรักษาเสียแต่ต้นมือ แม้จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในตอนนี้ แต่จะยังมีชีวิตต่อไปได้อีกยาวนานแน่นอนค่ะ ขอแค่ให้หยุดการแพร่กระจายของโรคเอดส์ลงได้บ้าง ก็ถือช่วยได้มากแล้วล่ะค่ะ
เอดส์
เอดส์
เอดส์
เอดส์
เอดส์
ขอบคุณรูปภาพจาก : aidsaccess.com, news.voicetv.co.th, lms.thaicyberu.go.th, deepsouthwatch.org, bcnu.ac.th, warts59.wordpress.com
บทความโดย Charme’ อัพเดทเทรนด์ แฟชั่น ทรงผม แต่งหน้า
0 notes