Tumgik
#หลวงปู่พุทธะอิสระ
smanee-blog · 1 year
Video
วิชาปราณโอสถ พุทธะอิสระ
0 notes
smaneekaov-blog · 1 year
Photo
Tumblr media
วิชาปราณโอสถ พุทธะอิสระ เตรียม ไม่ต้องบอกแล้ว ยืนขึ้นมาก็ต้องขยับขยาย ทำความพร้อมให้เกิดขึ้นภายในกาย มันไม่ควรจะต้องเตือนกันแล้ว เอียงซ้าย เอียงขวา ปรับหน้าปรับหลัง เหยียดแข้งเหยียดขา มองตัวเอง หาวิธีสร้างตัวรู้แบบผิวเผินก่อน แล้วจึงค่อยพัฒนาจนกระทั่ง กลายเป็นตัวรู้ที่แนบแน่นมากขึ้น ... ถ้าร้อนก็เปิดพัดลมซิ เมื่อกี้ฝ่าเท้ายืนคงที่ไหม หาวิธีถ่ายน้ำหนักให้เสมอกัน ขวากับซ้าย 50 50 ซ้ายครึ่ง ขวาครึ่ง อย่ายืนเบี้ยวอย่าบิด อย่าเอียง อย่าโยก ปรับสมดุลของกายให้เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายผ่อนคลายให้มากที่สุด ฝ่ามือไม่เกร็ง นิ้วไม่กำ หัวไหล่ ไม่เกร็ง ไม่หนัก ลองเอามือเท้าไปที่ใต้ขาพับ แล้วลองแอ่นอกซิ เงยคอ แอ่นอกดูซิ แอ่นอกเยอะๆ หายใจออก ปรับสมดุล กลับมาตรง หลู่ไหล่มาข้างหน้า หลังมือชนกัน คางติดอก ลู่มาเยอะๆหน่อย ให้คางก้มให้คางติดอก กลับมาตรง ทำอย่างนี้เพื่อผ่อน คลายกล้ามเนื้อหัวไหล่ กล้ามเนื้อหน้าอก เราจะได้ไม่ตึง ไม่เครียด คนเวลาเครียดมากๆ มันเครียดตรงเส้น เครียดตรงเส้น แล้วคราวนี้ก็จะปวด จะเมื่อย จะวิ่งจี๊ดจ๊าด แล้วคราวนี้ก็จะวิ่งไปหาหมอ หมอก็ไม่รู้จะรักษายังไงถูก ก็เลยต้องวิ่งไปหา หมอทรง หมอเจ้าส่งไป สร้างตัวรู้ เอาพร้อมแล้ว สร้างตัวรู้ให้เกิดภายใน หลับตา แขนสองข้างทิ้งดิ่งข้างลำตัว พร้อมที่จะรับรู้ได้แล้ว ส่งความรู้สึกเข้าไปในกาย รู้แล้ววาง รู้แล้วว่าง รู้แล้วสงบ รู้โดยไม่ปรุง รู้แล้วโล่ง รู้แล้วอิสระ รู้แล้วปลดเปลืองพันธนาการ ฝึกให้ได้บ่อยๆ ผู้รู้ต้องไม่มีพันธนาการ ไม่มีพันธะ ไม่มีความผูกเครื่องข้อง ปราศจากเครื่องร้อยรัด ... เอ้า ระวังล้ม ทำให้ตัวรู้ตั้งมั่นอยู่ภายในกาย ไม่มีอกุศล ไม่มีกุศล ไม่มีความคิด ... กุศลไม่มี อกุศลจะเกิดได้อย่างไร นั่นหมายถึงว่าจิต ของผู้รู้ ไม่มีกุศล แล้วอกุศลมันจะเกิดได้อย่างไร อกุศลก็ต้องไม่มีด้วย ... รู้ไม่ปรุง รู้ไม่แบก รู้ไม่มีพันธนาการ ... เอ้า ถ้า มันลำบากก็นั่งลง ...ระดับเรียนมาถึงขั้นนี่แล้วไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรแล้ว ถ้ายังมานั่งขีด นั่งจดอยู่นีมันก็แสดงว่ามันไม่พัฒนาแล้ว มัน ต้องกลับไปเริ่มตั้วมเตี่ยมๆ ใหม่แล้ว สอนมาเป็นปีแล้วนี่ ทรงตัวรู้ ไม่ได้ทรงราคะ ไม่ได้ทรงโทสะ ไม่ทรงถีนะมิทธะ ความง่วง ไม่ทรงความฟุ้งซ่าน ไม่ทรงความสงสัย ไม่ทรงโมหะ ไม่ทรงโลภะ ไม่เป็นร่างทรงของกุศล ไม่เป็นร่างทรง ของอกุศล มีแต่ตัวความรู้ ตัวรู้ พร้อมรู้ รับรู้ แล้วไม่ปรุง ไม่ปรุงทางหู ไม่ปรุงทางเสียง ไม่ปรุงทางจมูก ไม่ปรุงทางกลิ่น ไม่ปรุงทางตา ไม่ปรุงทางรูป ไม่ปรุงทางสัมผัส ไม่ปรุงทางรส ไม่ปรุงทางลิ้น ไม่ปรุงทางอารมณ์ ทางใจ ... รู้แล้ววาง รู้ แล้วว่าง ไม่ใช้รู้แล้วนิ่ง แม้นิ่งก็ยังไม่ถือว่าถูกต้อง วางแล้วว่าง แล้วเบาสบาย บอกแล้วว่าตัวรู้นั้นเปรียบเหมือนน้ำทีสิงอยู่ ในบรรยากาศ หรืออากาศที่สิงอยู่รอบๆตัวเรา ซึมสิงอยู่รอบตัวเรา มันจะซ่านไปทั่ว ไม่มีขีดจำกัด ซึ่งจะต่างจากคำว่า นิ่ง สงบ สมาธิ อันนั้นมันต้องเพ่ง ต้องกดอารมณ์ สิ่งที่เราสร้างตัวรู้นี่มันสูงกว่าความสงบ ความเพ่งอารมณ์ สูงกว่าคำว่าสมาธิ มันเหมือนกับ��หารยามที่อยู่ประตูทั้งสี่ของเมือง ประตูเมืองทั้งสี่ ทิศทั้งสิบ แล้วก็เพ่งมองข้าศึกศัตรูด้วยความเตรียมพร้อม เสมอ โดยไม่วิ่งออกไปนอกกำแพง ไม่เผลอหลับ ตั้งหน้า ตั้งตาพร้อมรับรู้รับแจ้ง ตรวจการเสมอ พร้อมรุกรบได้ตลอดเวลา ตัวรู้นี้ต้องเปรียบให้ได้ดังนี้ รู้อยู่ภายในกาย ============================================= รู้ในกายตน ทีนี่ปรับตัวรู้มาศึกษาในกายตนซิ เรียนรู้ชีวิตก็คือเรียนรู้ในกายตน ลองดูกะโหลกศีรษะซิ กระดูกกะโหลกศีรษะ เอาตัวรู้ ไปดูซิว่ากระดูกกะโหลกศีรษะนี่หน้าตาเป็นอย่างไร ถามว่าทำไมต้องไปรู้เรื่องกระดูกกะโหลกศีรษะ เพราะมันจะทำให้ตัวรู้ เราตั้งมั่น มีการงาน แล้วจะได้พัฒนาตัวรู้ให้กลายเป็นปัญญา จะได้เปล่งแสงรัศมี เมือตัวรู้มันตั้งมั่นได้นานเข้าๆๆ มันก็ เป็นอานุภาพ ถ้ามีแต่ตัวรู้อยู่เฉยๆ บางทีบางครั้งเดี๋ยวมันแว๊บ นั่น บางคนแว๊บแล้ว สับหงกไปแล้ว คอหักด้วย ต้องรู้แบบ ชนิดที่เราสามารถวิจารณ์ได้ ไม่ใช่รู้แบบชนิดที่แตะต้องอะไรไม่ได้ ก็คือรู้ว่าสภาพธรรมที่ปรากฏบนกระดูกกะโหลกศีรษะ รูปร่างหน้าตามันเป็นอย่างไง สีสันมันเป็นอย่างไง ค้นหามัน มันสีขาว สีเขียว สีดำยังไง ดู ค้นหา จับตั้งแต่ปลายคางก็ได้ หน้าผากก็ได้ โหนกคิ้วก็ได้ โหนกแก้มก็ได้ ไม่ต้องใช้มือ ใช้ตัวรู้เป็นตัวจับ ตัวรู้ตัวนี้ก็คือจิต เลิกได้แล้ว บอกไม่ต้องใช้ เครื่องมืออะไรแล้ว เอาจิตจับเป็นจุดๆ ลองจับไปที่หน้าผากซิ หน้าผากหนัก ตึงไหม รับรู้ไปที่หน้าผาก โหนกคิ้ว เป้าตา สันจมูก โหนกแก้มสองข้างซ้ายขวา ริมฝีปากบน ริมฝีปากล่าง มันจะรู้สึกชาๆ ปลายคาง กรามซ้ายขวา มันจะรู้สึกตึงๆ กก หูซ้ายขาว เหมือนกับมีลมออกมาจากรูหูสองข้าง เหนือหูซ้ายขวา รู้แล้วรำคาญนี่เขาเรียกว่ารู้แล้วปรุง แมลงวันตอม แมลง หวี่ไชอย่างเงี้ย เรียกว่ารู้แล้วปรุง แสดงว่ายังมีตัวกูให้ปรุงอยู่ ตัวกูมันก็คือตัวอกุศลน่ะ บอกแล้วว่ากุศลไม่มีแล้วอกุศลมัน จะเกิดได้อย่างไร ... กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง กลางกะหม่อมก็จะรู้สึกเหมือนมีลมตีขึ้นเหนือศีรษะ ท้ายทอย ก็จะตึงๆ ร้อนๆ ...วันนี้มันเป็นยังไง ว๊อบแว๊บๆ...กรามซ้ายขาว ใต้หูซ้ายขวา คาง ปลายคาง ไม่ต้องกั้นลมหายใจ ปล่อยลม หายใจให้เป็นธรรมชาติ เอ้าคราวนี้ลงมาที่หลอดลม ลำคอ ลูกกระเดือก ไหปลาร้า กระดูกไหปลาร้าสองข้าง หัวไหล่ บ่า จะรู้สึกหนักๆ สะบักซ้าย ขวาด้านหลัง ... สำรวจให้ทั่วสะบัก หัวไหล่ บ่า ท่อนแขนด้านบน ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ นิ้วมือ ไล่ตั้งแต่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้ว กลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย หลังมือ ซ้ายขวา ข้อมือด้านหลังซ้ายขวา ไล่ขึ้นมาท่อนแขนด้านข้าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านบน หัว ไหล่ ลงไปที่สะบักซ้ายขวา มารวมกันที่กระดูกสันหลัง ข้อต่อระหว่างคอกับกระดูกสันหลัง ไหลลงไปจนถึงก้นกบ แยกออก เป็นสองสาย ก้นกบซ้าย ก้นกบขวา คือสะโพกซ้าย สะโพกขวา ข้อพับ ขาพับ ลงไปที่น่องซ้ายขวา ส้นเท้า ฝ่าเท้าซ้ายขวา ปลายนิ้วเท้าทั้งสิบ ย้อนกลับขึ้นมาที่หลังเท้า ข้อเท้า กระดูกซ้ายขวา หน้าแข่งซ้ายขาว หัวเข่า หน้าขาซ้ายขวา มารวมกันตรงหัวเหน่า ผ่านจุด ใต้สะดือและเหนือสะดือ ใต้สะดือมีสองจุด เหนือสะดือมีสี่จุด ... ขึ้นไปที่ลิ้นปี่ ไปที่ราวนมซ้ายขวาแยกออก ไปที่รักแร้ ซ้ายขวา สีข้างใต้รักแร้ ท่อนแขนด้านในใต้รักแร้ ลงมาที่ข้อศอกซ้ายขวา ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ และฝ่ามือ สูดลมหายเข้า ขึ้นจมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่สองข้าง กระดูกสันหลัง ลงไปที่ก้นกบ แยกไปที่ตะโพกซ้ายขวา ลงไปที่ท่อนขา ขาพับ ท่อนขาด้านล้าง ส้นเท้า ฝ่าเท้า ปลายนิ้วเท้า ขึ้นมาที่หลังเท้า หน้าแข่ง หัวเข่า หน้าขา หัวเหน่า ขึ้นมาที่สะดือ ลิ้นปี่ แยกไปที่ซี่โครง ชายโครง ไหลย้อนกลับมาที่ราวนม ไหปลาร้า รักแร้ ลงไปที่แขนด้านในซ้ายขวา ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ ลมหายใจปล่อยเป็นธรรมชาติ เป็นปรกติ ต่อไปหายใจเอาปราณนะ หายใจเข้าขึ้นจมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่สอง ข้าง กระดูกสันหลัง ก้นกบ ทะลุมาที่ช่องท้อง ขึ้นมาที่หน้าอก ลำคอ ออกปาก หายใจเข้า จมูก ลำคอ ลงไปที่ไหปลาร้าสองข้าง แยกไปที่ท่อนแขนสองข้าง ข้อศอกสองข้าง ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ หายใจออก หายใจเข้า ขึ้นจมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่สองข้าง กระดูกสันหลัง ก้นกบ ทะลุมาที่ช่องท้อง ขึ้นมาที่สะดือ ลิ้นปี่ หน้าอก ไหปลาร้าสองข้าง ท่อนแขนด้านบนสองข้าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อ มือ ฝ่ามือ หายใจออก หายใจเข้า จมูก ลำคอ ลงไปที่กระดูกราวนม แยกไปที่หัวไหล่สองข้างซ้ายขวา ใต้แขน ท่อนแขนด้านใน ข้อศอก ท่อน แขนด้านล่าง ข้อมือ หลังมือ ปลายนิ้วมือ หายใจออก สูดลมหายใจเข้า จมูก หลอดลม ลำคอ ลงไปที่ไหปลาร้า หัวไหล่สองข้าง ท่อนแขนด้านบน ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อ มือ ฝ่ามือ หลังมือ ปลายนิ้วมือ หายใจออก สูดลมหายใจเข้า จมูก หลอดลม ลำคอ หน้าอก ลิ้นปี่ เหนือสะดือสามจุด ใต้สะดือสองจุด ลงไปที่หัวเหน่า แยกไปที่ขาสอง ข้าง หัวเข่า ท่อนขาด้านล่าง ลงไปที่ข้อเท้า ฝ่าเท้า หายใจออก หายใจเข้า ตั้งแต่ปลายเท้า ฝ่าเท้า ขึ้นมาที่ข้อเท้า ท่อนขาล่าง หัวเข่า ท่อนขาด้านบน ลงมาที่สะดือ หายใจออก แม้สะดือก็มี ลมออกได้ ... เอาใหม่ หายใจเข้า จมูก ลำคอ ราวนมสองข้าง ลิ้นปี่ ลงไปที่สะดือ หัวเหน่า หน้าขา หัวเข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า ฝ่าเท้า หายใจออก หายใจเข้า จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่สองข้าง กระดูกสันหลัง ก้นกบ ทะลุมาที่ช่องท้อง ถึงสะดือ หายใจออก หายใจเข้าลึกๆ ให้ลมซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย หายใจออก ผ่อนคลาย ============================================= เอ้า คราวนี้ค่อยๆ ลดตัวลงนั่งช้าๆ ลองดูซิว่านั่งแล้วจะทำได้ไหม อย่าเพิ่งลืมตา นั่งแล้วหงายฝ่ามือที่หัวเข่า ขัดสมาธิ หงาย ฝ่ามือที่หัวเข่า ตัวตั้งตรง ยืดอกขึ้น สูดลมหายใจเข้า จมูก หลอดลม ลงไปที่หัวไหล่สองข้าง ท่อนแขน ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ ปลายนิ้วมือ หายใจออก จะต้องรู้สึกให้ได้ว่าแม้ลมก็ออกที่ปลายนิ้วมือ สูดลมหายใจเข้า ปลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ข้อมือ ท่อนแขนด้านล่าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านบน หัวไหล่ มารวมกันที่ลิ้นปี่ ไหลลง ไปที่สะดือ หายใจออก หายใจเข้า สะดือ ลิ้นปี่ หน้าอก ลำคอ ออกปาก หายใจเข้า จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่และขมับสองข้าง ท่อนแขนด้าน บน ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ฝ่ามือ ข้อมือ ปลายนิ้วมือ หายใจออก หายใจเข้า จมูก ลำคอ ลงไปที่ราวนม แยกไปที่ใต้รักแร้สองข้าง ท่อนแขนด้านใน ข้อพับ ข้อศอกด้านใน ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ ปลายนิ้วมือ นิ้วกลาง หายใจออก สูดลมหายใจเข้าที่นิ้วกลางสองข้าง ฝ่ามือ ข้อมือ ท่อนแขนด้านล่าง ข้อพับ ข้อศอก ท่อนแขนด้านบน รักแร้สองข้าง ราวนม ขึ้นมาที่ลำคอ ออกปาก หายใจเข้า จมูก หน้าผาก กลางกะหม่อม ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่สองข้าง กระดูกสนหลัง ก้นกบ ทะลุมาที่ช่องท้อง สะดือ หายใจออก ต้องรู้ให้ได้ว่ามีลมออกที่สะดือ ถ้าไม่ได้ทำใหม่ สูดลมหายใจ��ข้า จมูก หน้าผาก กลางกะหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่สองข้าง กระดูกสันหลัง ลง ไปที่ก้นกบ ทะลุมาที่ช่องท้อง เหนือสะดือสามจุดหายใจออก ท้องจะมีลมอุ่นๆออกมาเหนือสะดือ ต้องรับรู้ให้ได้ดังนั้น สูดลมหายใจเข้า จมูก หลอดลม ลำคอ หน้าอก ลิ้นปี่ สะดือ หายใจออก ยืดอกขึ้น สูดลมหายใจเข้า ให้ลมซ่านไปทั่วทุกรูขุมขน ไล่ลมมาอยู่ที่ท่อนแขน ข้อศอก ข้อมือ ฝ่ามือ หายใจออก สูดลมหายใจเข้า จมูก ลำคอ หน้าอก ลิ้นปี่ สะดือ หัวเหน่า แยกลงมาที่ท่อนขาด้านล่าง หัวเข่า หน้าแข้ง ลงไปที่ข้อเท้า ฝ่าเท้า ปลายนิ้วเท้า หายใจออก สูดลมหายใจเข้า จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่สองข้าง ท่อนแขน ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ หลังมือ ปลายนิ้วมือ หายใจออก หายใจเข้า ปลายนิ้วกลาง หลังมือ ข้อมือ ท่อนแขนด้านล่าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านบน หัวไหล่ ต้นคอ กะโหลกศีรษะด้าน หลัง กลางกระหม่อม หน้าผาก ออกจมูก เพ่งความรู้สึกดูที่ฝ่ามือ และปลายนิ้วมือ ============================================= ทำให้ผ่ามือหยุดไอร้อน และออกที่ปลายนิ้ว แรกๆ ก็จะออกทุกนิ้ว หาวิธีบังคับให้ออกที่นิ้วโป้ง นิ้วโป้งเป็นเรื่องที่ยาก เพราะปลายประสาทจะหนา หาวิธีบังคับ ถ้าทำได้ นิ้วอื่นก็จะง่าย ... ปล่อยลมหายใจให้เป็นปกติ ถ้าไม่ชัดก็ประกอบลม หายใจเข้า หาช่องเดินให้อยู่กลางนิ้วโป้งให้ได้ แล้วหายใจออก ลองดู ... จากนิ้วโป้งก็ไปถึงนิ้วชี้ .................................. (เสียงฉาบ) ...................................................... จากนิ้วชี้ก็ไปที่นิ้วกลาง แรกๆ ลมอาจจะพุ่งออกเป็นสายที่ปลายนิ้ว ต้องประกอบลมหายใจทุกครั้ง เข้า ... เดิน ไปที่ปลายนิ้ว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ให้ลมซ่านไปทั่วทุกรูขุมขนและทั่วสรรพางค์กาย ลองดูซิ���ม้รูขุมขนมีลมออกไหม สัมผัสถึงไอร้อน รอบตัวได้ไหม แล้วหายใจออกอย่างผ่อนคลาย อีกที หายใจเข้ากว้างๆ ลึก เต็ม รู้ ออก เบา ยาว หมด รู้ เข้า กว้าง ลึก เต็ม รู้ ออก เบา ยาว หมด รู้ แม้ปลายนิ้วเท้าก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามีลมออก อีกที เข้า กว้าง ลึก เต็ม รู้ ปลายนิ้วเท้า ฝ่าเท้า ออก เบา ยาว หมด รู้ ============================================= สร้างปฏิสัมพันธ์อันดี ...หยุดการกำหนดรู้ลมและจุดต่างๆ ในกาย แต่สร้างตัวรู้ให้เกิดในภายใน ทำให้สองวิชามีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกันให้ได้ แม้ จะอยู่กันคนละขั้นก็ตาม ปราณสุริยะ กับปราณโอสถ ว่ากันที่จริงแล้วถ้าพูดถึงเรื่องของการสร้างสติสัมปชัญญะและวิปัสสนาก็ยังถือว่าสองปราณ นั้นยังเป็นขั้นต่ำ แต่ถ้าจิตมีพัฒนาการที่ดี เราก็สามารถจะสร้างปฏิสัมพันธ์อันงดงาม แค่ก้าวล่วงขั้นหนึ่งก็ขยับขึ้นมาสู่ วิปัสสนาญาณได้ สร้างตัวรู้ให้เกิดขึ้นภายในกาย เริ่มต้นตั้งแต่มีตัวรู้ วางแล้วว่าง รู้สึกอยู่ภายใน ไม่ปรุง ... รู้แล้ว วาง แล้วว่าง … รู้ ละ วาง ว่าง … รู้ ละ วาง ว่าง เป็นความรู้ที่แข็งแรง ยั่งยืน ไม่หลุดไม่รอด ไม่แถ ไม่เผลอไปไหน ลองจับนิมิตดู เอากระดูกตัวเองเป็นนิมิต ลองทำวิปัสนึกดูสักครั้งซิ นึกว่าโครงกระดูกปรากฏอยู่ในกายตน จับโครงกระดูก นั้นเป็นนิมิตเครื่องหมาย ไล่ตั้งแต่กะโหลกศีรษะ กระดูกต้นคอ กระดูกหัวไหล่ ไหปลาร้า ซี่โครง ลิ้นปี่ กระดูกทรวงอก ไล่ ให้หมด หรือมองตรงภาพรวมๆ ว่านี่คือกระดูกตั้งอยู่ มองให้ทะลุหนัง ทะลุเนื้อนะ ... มีแต่กระดูกตั้งอยู่ … ...(เสียงระฆัง)... กระดูกตั้งอยู่แล้วมันจะมีอารมณ์ง่วงได้อย่างไร กระดูกมันง่วงเป็นที่ไหน กระดูกตั้งอยู่แล้วมันจะฟุ้งได้อย่างไร กระดูกมัน ฟุ้งเองได้ที่ไหน กระดูกตั้งอยู่แล้วมันจะสับสนสงสัยได้อย่างไร กระดูกมันสับสนเองได้ที่ไหน กระดูกตั้งอยู่แล้วมันจะมี ความหลงได้อย่างไร กระดูกตั้งอยู่แล้วมันจะมีความคิดได้อย่างไร ว้าวุ่นได้อย่างไร รู้สึกให้ได้ว่าเราคือกระดูกที่ตั้งอยู่ สำรวจตรวจดูซิว่ากระดูกแต่ละท่อน ซี่โครงแต่ละซี่ ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่ละชิ้นน่ะ มันมีรูปร่างลักษณะงดงามสัณฐานสวย ขนาดไหน บอกแล้วว่ากรรมฐานของที่นี่ เรียนรู้ชีวิต ลุถึงวิชา เกิดปัญญา นำพาชีวิต มองให้ทะลุเนื้อทะลุหนัง ทะลุเอ็น ทะลุพังพืด … ยิ่งถ้าใช้ปราณโอสถในวิชาวิเคราะห์กระดูกก็ยิ่งเป็นประโยชน์ ปวดตรงไหน เจ็บตรงไหน ขัดตรงไหน ยอกตรงไหน มันจะ เข้าไปบำบัดรักษา แม้ที่สุดถึงขนาดมันสามารถทำให้ลั่นกรั๊วบกร๊าบได้ทันที แล้วมันจะเบาจะโล่งขึ้น เพ่งมองไปที่กระดูกสันหลังและกะโหลกศีรษะ ต้นคอ ก้นกบ มองย้อยหลังเข้าไป อย่ามองมาข้างหน้า จับกระดูกสันหลังเอา ไว้ แล้วจะรู้สึกเสียวสันหลัง เบาสบาย ไล่ตั้งแต่สูงลงต่ำ หรือต่ำขึ้นสูงก็ได้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ให้ลมซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย แล้วผ่อนลมออกไปยาวๆ เบาๆ สบาย อีกที … ลมออก เบา ยาว สบาย หายใจเข้าไปใหม่ ให้ลมเข้าไปในไขกระดูกและข้อของกระดูก ให้รู้สึกได้ว่ากระดูกทุกข้อได้รับลมผ่าน ผ่านเข้าไปใน แกนกลางของกระดูก เรียกว่าชำระไขกระดูก จนกระทั่งทะลุทะลวงไปถึงปลายนิ้วมือนิ้วเท้า หลังจากหายใจครั้งนี้แล้วต้อง โล่ง ... หายใจออกผ่อนคลาย เอาใหม่ ... ให้ลมซึมเข้าไปในแกนกลางของไขกระดูก ในข้อกระดูก แม้ในกะโหลกศีรษะ ... แล้วหายใจออก ผ่อนคลาย ============================================= นอน มีสติพิจารณาความเป็นไปในกาย ลืมตาม ปรับท่าปฏิบัติธรรม ลงนอน นอนหงาย ... ชอบอยู่แล้ว กำลังรออยู่เชียว เหยียดขาไป นอนท่าตรง ... แยกขา กางแขน แบมือ ... เออ ก็มีสำนักนี้ล่ะ สอนแบบนี้ ... มึงหวิดได้วิชาไปทั้งแผ่นแล้ว ไม๊ล่ะ มึงหันตีนไปทางป้ายกูทำไมล่ะ เอ้า สูดลมหายใจเข้า แล้วตาม ให้ลมเดินตามข้อกระดูกให้หมด...จนถึงปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ...เฒ่า ไม่นอนเหรอ นั่นแหล่ะ นอนหงายแถวนั้นแหล่ะ ลูกหลานไปไหนหมด ไม่พยุงให้นอนล่ะ ... เออ ให้คนแก่เอา เลือดลงหัวบ้างซิ ให้ฝ่ามือกับฝ่าเท้ามีไอร้อนปรากฏ … ... เออ แล้วนอนลงมา นอนหงายลงมา ถอยหลังลงหน่อย ... เออ เอาล่ะ ตายก็ไม่เสียชาติเกิดล่ะ ได้มานอนวัดอ้อน้อย นอนแล้วหายใจเข้าลึกๆ ให้ลมมันเดินไล่ไปถึงปลายเท้า แล้วหายใจออก ไล่ลมหายใจไปปลายเท้าแล้วจึงจะออก ถึงมือกับเท้า แล้วจึงจะหายใจออก ค่อยๆ ดื่มลมหายใจลงไปช้าๆ เติมลมหายใจลง ไปช้าๆ ให้ลมมันไหลลงไปถึงปลายนิ้วมือนิ้วเท้า แล้วจึงจะหายใจออก ... เฮ้ย ทำไมมันเงียบแท้วะ ทำไมมันไม่กระเพื่อ เลยวะ ... หายใจเข้า ... ให้ลมอัดเข้าไปช้าๆ อย่าเข้าถึงขนาดเสียดแทง เรียกว่าให้ลมสุขุม ... ให้รับรู้ได้ถึงไอร้อนที่ออกตามฝ่ามือ ฝ่า เท้า รักแร้ ขาหนีบ ซอกคอ ลำตัว อย่างนี้เขาเรียกว่ามีสติพิจารณาความเป็นไปภายในกาย รู้ตัวตลอดทั่วสรรพางค์กาย ถามว่าเมื่อทำแล้วมันจะได้อะไร เมื่อจิตเราไม่ได้เสวยอารมณ์กุศล ไม่ได้เสวยอารมณ์อกุศล มีแต่ตัวรู้อยู่ภายในจิต พัฒนาการของจิตเมื่อมีตัวรู้ตั้งมั่นอย่างยั่งยืนยาวนาน แม้ที่สุดเราจะไม่ได้บรรลุมรรคผลอะไร มันก็สามารถทำให้เรามี ชีวิตยู่อย่างเป็นผู้รู้ได้ในขณะหนึ่งๆ หรือถ้าทำได้ทุกเวลามันก็เป็นทุกขณะ ผู้รู้ก็คือผู้ที่ทำไม่ผิด พูดไม่ผิด คิดไม่ผิด ผู้รู้ก็คือ ผู้ที่ไม่หลง ไม่โง่ ไม่งมงาย เมื่อไม่โง่ ไม่หลง ไม่งมงาย ทำ พูด คิด ใดๆ มันก็จะกลายเป็นมหากุศล ค่อยๆ สร้างบารมีแห่งความเป็นผู้รู้อยู่เนื่องนิตย์ จนสุดท้ายเราก็สามารถพิจารณาเห็น���ุกอย่างได้เป็นตามความเป็นจริง ที่ ทุกวันนี้เราไม่สามารถเห็นหรือไม่สามารถพิจารณาทุกอย่างเป็นตามความเป็นจริงก็เพราะเราไม่รู้ การพิจารณาเห็นทุกอย่างเป็นตามความเป็นจริงมันให้ประโยชน์อะไร อย่างน้อยมันก็ไม่มีพันธะ ไม่มีพันธนาการต่อชีวิต จิตวิญาณเรา อิสรเสรีภาพก็เกิดขึ้นกับเราเพราะเราเป็นผู้ไม่มีพันธนาการในจิต เรียกกว่าอยู่อย่างอิสระในโลก เพราะเป็นผู้รู้ ไม่ต้องถามว่าคุณธรรมระดับนี้อยู่ในขั้นไหนของพระอริยเจ้า เพราะพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านก็อยู่กันอย่างอิสระในโลก ไม่มีพันธนาการทางจิต ============================================= กลับมาดูกระดูก เอ้า ลองกลับมาเป็นทางวิปัสนึกบ้าง ว่ากระดูกนอนอยู่ กระดูกกลุ่มใหญ่นอนอยู่ กองอยู่กับพื้น เมื่อกี้ตัวกูนอนอยู่ เที่ยวนี้ กระดูก ... กระดูกนอนอยู่ เฮ้ย กระดูกกรนได้ไงวะ กระดูกหลับไปได้ไง กระดูกไม่กรน กระดูกไม่ง่วง กระดูกไม่หลับ กระดูกไม่มีอารมณ์ กระดูก ไม่มีความรู้สึก แยกจิตออกจากกระดูก มองให้รู้ว่านี่คือกระดูก แล้วอะไรคือผู้มอง จิตคือผู้มองกระดูก อย่างให้จิตกับ กระดูกมันผูกกัน กระดูกนอนอยู่แล้ว ลองหายใจเข้าไปในท่อของกระดูกซิ ลองเป่าลมเข้าไปในท่อของกระดูกซิ เพราะกระดูกแต่ละท่อนมัน มีรูพรุนตรงกลาง ตั้งแต่กะโหลกศีรษะ เรื่อยไปจนถึงกระดูกท่อนแขน กระดูกซี่โครง กระดูกสันหลัง กระดูกขาบนขาล่าง แม้กระดูกปลายนิ้วมือนิ้วเท้ามันก็กลวง ให้เดินลมไปทั่วซิ ลองหาวิธีซิรับรู้ได้ว่าเมื่อลมเดินไปถึงจุดปลายนิ้วมือนิ้วเท้าก็มี ลมไหลพุ่งออกมาจากปลายนิ้วมือนิ้วเท้าด้วย ... เสียงอะไรครืดๆ วะ ลมออกจากกระดูกเหรอ เอ้า ทีนี้ลองทำให้ลมเดินวนรอบกะโหลกศีรษะด้านบนซิ ... วนรอบกะโหลกศีรษะด้านบน ... ============================================= แผ่เมตตา ต่อไปกำหนดลมหายใจเข้า สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข หายใจออก สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์ แต่พิเศษตรงที่ให้ลมหายใจและคำว่า สัตว์ทั้งปวง ออกมาจากแกนกลางของกระดูกสันหลัง นั่นหมายถึงต้องภาวนา ไม่ใช่ริมฝีปาก แกนกลางของกระดูกสันหลัง ระหว่างข้อต่อที่ต่อกับก้นกบ แล้วไล่ขึ้นมาจนถึงสมองถึงกะโหลกศีรษะด้านหลัง ให้กระเทือนถึงกระดูกสันหลัง แล้วก็มา ออกที่จมูก ... ...(เสียงระฆัง)... ต่อไปสูดลมหายใจเข้าจมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ท้ายทอย ต้นคอด้านหลัง สะบัก หัวไหล่ กระดูกสันหลัง ลงไปที่ก้นกบ ท่อนขาด้านบน ข้อพับ ท่อนขาด้านล่าง ส้นเท้า ฝ่าเท้า ปลายนิ้วเท้า หลังเท้า หายใจออก หายใจเข้า จมูก หลอดลม ลำคอ หน้าอก ช่องท้อง เหนือสะดือ หัวเหน่า แยกไปที่ขาสองข้าง หัวเข่าสองข้าง หน้าแข้งสองข้าง ข้อเท้า หลังเท้า ปลายนิ้วเท้า หายใจออก หายใจเข้า ขึ้นจมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง หัวไหล่สองข้าง ท่อนแขนด้านบน ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ หลังมือ ปลายนิ้วมือ หายใจออก สูดลมหายใจเข้า ปลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ข้อมือ ท่อนแขนด้านล่าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านบน หัวไหล่ ขึ้นมาที่ต้นคอสองข้าง ขึ้นมาที่กะโหลกศีรษะด้านหลัง มารวมกันที่ศูนย์รวมประสาทกลางกระหม่อม หน้าผาก เป้าตา ออกจมูก ยกมือไหว้พระกรรมฐานแล้วลุกขึ้นนั่ง =============================================
0 notes
soclaimon · 2 years
Text
'พุทธอิสระ'เดือด ปม'แพรรี่-พระชาตรี' สำเนียงส่อภาษา-อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้
‘พุทธอิสระ’เดือด ปม’แพรรี่-พระชาตรี’ สำเนียงส่อภาษา-อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้
#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า https://www.naewna.com/likesara/682148 ‘พุทธอิสระ’เดือด ปม’แพรรี่-พระชาตรี’ สำเนียงส่อภาษา-อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้ วันเสาร์ ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2565, 11.31 น. ‘พุทธะอิสระ’ โพสต์เฟซบุ๊ก เดือดปม แพรรี่ – พระชาตรี ลั่น! “อย่าเอาไม้สั้นไปรันอุจจาระ” 24 ก.ย.65 เฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ…
Tumblr media
View On WordPress
0 notes
Video
ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลย จวกเละ คลิปจู่โจมจับ หลวงปู่พุทธะอิสระ เล่นใหญ่...
0 notes
smanee-blog · 1 year
Video
Live หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรมและอวยพร เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ (เช้า) 1ม.ค.2566.
1 note · View note
smanee-blog · 1 year
Video
Live หลวงปู่​พุทธะอิสระ เจริญพระพุทธมนต์ข้ามปี 31ธ.ค.2565 พรปีใหม่
0 notes
smanee-blog · 1 year
Video
จิตบรรลุธรรม (วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ช่วงบ่ายหลวงปู่พุทธะอิสระ) จิตที่ผ่อนคลายนั่นแหละเขาเรียกว่าจิตสุขุม ที่นี้จิตระดับนี้มันจะบรรลุธรรมก็ได้ มันจะทำให้อารมณ์ สติ สมาธิ ปัญญาตั้งมั้นได้ง่ายด้วยเพราะมันไม่มีอะไรมายั่วยวน ไม่อะไรมาครอบงำคน สมัยนี้ทำยาก ทุกอย่างต้องบ้าไปตามอารมณ์ ฉุดกระชากลากถูไป บุญนี้จงเป็นของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทั้งกายหยาบกายละเอียดทั้งใหญ่เล็กในประเทศนี้ที่ทุกข์จากภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ จงพ้นทุกข์
0 notes
smaneekaov-blog · 1 year
Photo
Tumblr media
จิตบรรลุธรรม (วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ช่วงบ่ายหลวงปู่พุทธะอิสระ) จิตที่ผ่อนคลายนั่นแหละเขาเรียกว่าจิตสุขุม ที่นี้จิตระดับนี้มันจะบรรลุธรรมก็ได้ มันจะทำให้อารมณ์ สติ สมาธิ ปัญญาตั้งมั้นได้ง่ายด้วยเพราะมันไม่มีอะไรมายั่วยวน ไม่อะไรมาครอบงำคน สมัยนี้ทำยาก ทุกอย่างต้องบ้าไปตามอารมณ์ ฉุดกระชากลากถูไป บุญนี้จงเป็นของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทั้งกายหยาบกายละเอียดทั้งใหญ่เล็กในประเทศนี้ที่ทุกข์จากภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ จงพ้นทุกข์
0 notes
smaneekaov-blog · 2 years
Photo
Tumblr media
หลวงปู่พุทธะอิสระ จิตแห่งท้าวมหาพรหม
0 notes
smanee-blog · 2 years
Video
Live หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม ช่วงบ่าย 6 พ.ย.2565 (จิตแห่งท้าวมหาพรหม) ผู้เจริญเมตตาพรหมวิหาร ไม่ใช่เจริญเฉพาะเมตตา มันต้องเจริญ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา อุเบกขานี้มันเป็นเครื่องอยู่ นะลูก อุเบกขามันทำให้เราอยู่ได้อย่างไม่ทุกข์ทรมาณ มันเป็นเครื่องอยู่เครื่องอาศัยของท้าวมหาพรหม [๕๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดังยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ตั้งไว้เนืองๆ อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว อานิสงส์ ๑๑ ประการเป็นอันหวังได้ อานิสงส์ ๑๑ ประการเป็นไฉน คือ ผู้เจริญเมตตาย่อมหลับเป็นสุข ๑ ตื่นเป็นสุข ๑ ไม่ฝัน ลามก ๑ ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ ๑ ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ ๑ เทวดาย่อม รักษา ๑ ไฟ ยาพิษ หรือศาตราย่อมไม่กล้ำกราย ๑ จิตของผู้เจริญเมตตาเป็น สมาธิได้รวดเร็ว ๑ สีหน้าของผู้เจริญเมตตาย่อมผ่องใส ๑ ย่อมไม่หลงใหล กระทำกาละ ๑ เมื่อยังไม่แทงตลอดธรรมอันยิ่งย่อมเข้าถึงพรหมโลก ๑ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดังยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ตั้งไว้เนืองๆ อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว อานิสงส์ ๑๑ ประการนี้เป็นอันหวังได้ ฯ [๕๗๕] เมตตาเจโตวิมุตติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงก็มี แผ่ไปโดยเจาะจงก็มี แผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายก็มี เมตตาเจโตวิมุตติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงด้วยอาการเท่าไร แผ่ไปโดยเจาะจงด้วยอาการเท่าไร แผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายด้วยอาการเท่าไร เมตตา เจโตวิมุตติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงด้วยอาการ ๕ แผ่ไปโดยเจาะจงด้วยอาการ ๗ แผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายด้วยอาการ ๑๐ ฯ เมตตาเจโตวิมุตติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงด้วยอาการ ๕ เป็นไฉน เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงว่า ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด ปาณะทั้งปวง ฯลฯ ภูตทั้งปวง บุคคลทั้งปวง ผู้ที่นับเนื่องด้วยอัตภาพทั้งปวง จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงด้วย อาการ ๕ นี้ ฯ เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปโดยเจาะจงด้วยอาการ ๗ เป็นไฉน เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปโดยเจาะจงว่า ขอหญิงทั้งปวงจงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด ชายทั้งปวง ฯลฯ อารยชน ทั้งปวง อนารยชนทั้งปวง เทวดาทั้งปวง มนุษย์ทั้งปวง วินิปาติกสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด เมตตา เจโตวิมุติแผ่ไปโดยเจาะจงด้วยอาการ ๗ นี้ ฯ [๕๗๖] เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายด้วยอาการ ๑๐ เป็นไฉน เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายว่า ขอสัตว์ทั้งปวงในทิศบูรพาจงเป็น ผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศปัศจิม ฯลฯ ขอสัตว์ทั้งปวงในทิศอุดร ขอสัตว์ทั้งปวงในทิศทักษิณ ขอสัตว์ทั้งปวงในทิศอาคเนย์ ขอสัตว์ทั้งปวงในทิศพายัพ ขอสัตว์ทั้งปวงในทิศ อีสาน ขอสัตว์ทั้งปวงในทิศหรดี ขอสัตว์ทั้งปวงในทิศเบื้องล่าง ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศเบื้องบน จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็น สุขเถิด ขอปาณะทั้งปวงในทิศบูรพา ฯลฯ ภูต บุคคล ผู้ที่นับเนื่องด้วยอัตภาพ หญิงทั้งปวง ชายทั้งปวง อารยชนทั้งปวง อนารยชนทั้งปวง เทวดาทั้งปวง มนุษย์ทั้งปวง วินิปาติกสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด วินิปาติกสัตว์ทั้งปวงในทิศปัศจิม ฯลฯ วินิปาติกสัตว์ ทั้งปวงในทิศอุดร วินิปาติกสัตว์ทั้งปวงในทิศทักษิณ วินิปาติกสัตว์ทั้งปวงในทิศ อาคเนย์ วินิปาติกสัตว์ทั้งปวงในทิศพายัพ วินิปาติกสัตว์ทั้งปวงในทิศอีสาน วินิปาติกสัตว์ทั้งปวงในทิศหรดี วินิปาติกสัตว์ทั้งปวง ในทิศเบื้องล่าง วินิปาติก- *สัตว์ทั้งปวงในทิศเบื้องบน จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายด้วยอาการ ๑๐ นี้ เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปสู่สัตว์ทั้งปวงด้วยอาการ ๘ นี้ คือ ด้วยการเว้นความบีบคั้น ไม่บีบคั้นสัตว์ทั้งปวง ๑ ด้วยเว้นการฆ่า ไม่ฆ่าสัตว์ทั้งปวง ๑ ด้วยเว้นการทำให้ เดือดร้อน ไม่ทำสัตว์ทั้งปวงให้เดือดร้อน ๑ ด้วยเว้นความย่ำยี ไม่ย่ำยีสัตว์ ทั้งปวง ๑ ด้วยการเว้นการเบียดเบียน ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวง ๑ ขอสัตว์ ทั้งปวงจงเป็นผู้ไม่มีเวร อย่าได้มีเวร ๑ จงเป็นผู้มีสุข อย่ามีทุกข์ ๑ จงมีตน เป็นสุข อย่ามีตนเป็นทุกข์ ๑ จิตชื่อว่าเมตตา เพราะรัก ชื่อว่าเจโต เพราะคิด ถึงธรรมนั้น ชื่อว่าวิมุติเพราะพ้นจากพยาบาทและปริยุฏฐานกิเลสทั้งปวง จิตมี เมตตาด้วย เป็นเจโตวิมุติด้วย เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่าเมตตาเจโตวิมุติ ฯ ขอบุญนี้จงเป็นของทุกสัตว์ ในประเทศนี้ที่ทุกข์เดือดร้อนจาก ภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ ให้บุญดูแลรักษา ให้พ้นจากทุกข์ ให้มีตวามสุข มีความปลอดภัยเมื่อรับแล้วช่วยยกเลิกภาษีฉบ้บนี้ด้วย
0 notes
smanee-blog · 2 years
Video
Live หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม และปฏิบัติธรรม ช่วงบ่าย ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ (ภารสุตตคาถา ร่างกายนี้เป็นภาระ) ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ภารสุตตคาถา พร้อมคำแปล ภารา หะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ภาระหาโร จะ ปุคคะโล บุคคลแหละเป็นผู้แบกของหนักพาไป ภาราทานัง ทุกขัง โลเก การแบกถือของหนักเป็นความทุกข์ในโลก ภาระนิกเขปะนัง สุขัง การสลัดของหนักทิ้งลงเสียเป็นความสุข นิกขิปิตวา คะรุง ภารัง พระอริยเจ้าสลัดทิ้งของหนักลงเสียแล้ว อัญญัง ภารัง อะนาทิยะ ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก สะมูลัง ตัณหัง อัพพุยหะ ก็เป็นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้กระทั่งราก นิจฉาโต ปะรินิพพุโต เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนาดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ สัจจะ ธรรม ปุณฑริก สูตร มองทุกอย่างให้เป็นของสูญ สัทธรรมปุณฑริกสูตร เป็นคัมภีร์ในฝ่ายมหายาน ครับ ซึ่งไม่มีพระสูตรและคำสอนในพระสูตรนี้ ในพระไตรปิฎกในฝ่ายเถรวาท บุพพกิจเบื้องต้น "เย ธมฺมา เหตุ ปัพฺพวา เตสํ เหตุงฺ ตถาคโต เตสญฺจะ โย นิโรโธ จะ เอวํ วาที มหาสมฺโณ" "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้" ปฏิจจสมุปบาท ท่านได้แปลความไว้ดังนี้ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สังขารทั้งหลายมีเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สงฺขารปจฺจยา วิญฺญานํ วิญญาณมีเพราะสังขารทั้งหลายเป็นปัจจัย วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ นามและรูปมีเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ อายตนะ ๖ มีเพราะนามและรูปเป็นปัจจัย สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส ผัสสะ ๖ มีเพราะอายตนะ ๖ เป็นปัจจัย ผสฺสปจฺจยา เวทนา เวทนามีเพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาปจฺจยา ตณฺหา ตัณหามีเพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ อุปาทานมีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานปจฺจยา ภโว ภพมีเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภวปจฺจยา ชาติ ชาติมีเพราะภพเป็นปัจจัย ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายสา สมฺภวนฺติ ชรามีเพราะชาติเป็นปัจจัย มรณะมีเพราะชราเป็นปัจจัย ต่อนี้ตัวผล ทุกข์ทั้งหลายคือ ความแห้งใจเศร้าใจ ความบ่นพิรี้พิไร ความลำบากเหลือกลั้นเหลือทน ความต่ำใจ น้อยใจ ความคับแคบใจ ก็มีพร้อม เพราะมีมรณะเป็นปัจจัย เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ เมื่อปัจจยาการยังเป็นกำลังอุดหนุนซึ่งกันเป็นไปอยู่อย่างนี้ กองทุกข์ทั้งสิ้นก็เกิดขึ้นพร้อม ส่วนนี้เป็นสมุทัยวาร คำที่ว่า “ปัจจัย” นั้น ไม่ใช่เหตุ เป็นแต่ผู้อุดหนุนเหตุให้เป็นไปเท่านั้น ส่วนอวิชชา สังขาร วิญญาณ ถึงชรา มรณะ นั้นตัวเหตุคือตัวสมุทัยนั้นเอง คือแสดงเหตุด้วยปัจจัยด้วย ถ้าจะดับทุกข์ดับภาระก็ต้องดับที่เหตุพระพุทธเจ้าทรงสอนทรงแสดง นั้นอยู่ดีๆจะไปมองว่ามันสูญมันว่างเปล่ามันไม่มีตัวตน โดยที่ไม่สาวหาเหตุมาก่อนเลย มันเหมือนกับคน คนตาลยอดด้วน ขอบุญนี้จงเป็นของทุกสัตว์ ในประเทศนี้ที่ทุกข์เดือดร้อนจาก ภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ ให้บุญดูแลรักษา ให้พ้นจากทุกข์ ให้มีตวามสุข มีความปลอดภัยเมื่อรับแล้วช่วยยกเลิกภาษีฉบ้บนี้ด้วย
0 notes
smaneekaov-blog · 2 years
Photo
Tumblr media
Live หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม และปฏิบัติธรรม ช่วงบ่าย ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ (ภารสุตตคาถา ร่างกายนี้เป็นภาระ) ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ภารสุตตคาถา พร้อมคำแปล ภารา หะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ภาระหาโร จะ ปุคคะโล บุคคลแหละเป็นผู้แบกของหนักพาไป ภาราทานัง ทุกขัง โลเก การแบกถือของหนักเป็นความทุกข์ในโลก ภาระนิกเขปะ��ัง สุขัง การสลัดของหนักทิ้งลงเสียเป็นความสุข นิกขิปิตวา คะรุง ภารัง พระอริยเจ้าสลัดทิ้งของหนักลงเสียแล้ว อัญญัง ภารัง อะนาทิยะ ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก สะมูลัง ตัณหัง อัพพุยหะ ก็เป็นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้กระทั่งราก นิจฉาโต ปะรินิพพุโต เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนาดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ สัจจะ ธรรม ปุณฑริก สูตร มองทุกอย่างให้เป็นของสูญ สัทธรรมปุณฑริกสูตร เป็นคัมภีร์ในฝ่ายมหายาน ครับ ซึ่งไม่มีพระสูตรและคำสอนในพระสูตรนี้ ในพระไตรปิฎกในฝ่ายเถรวาท บุพพกิจเบื้องต้น "เย ธมฺมา เหตุ ปัพฺพวา เตสํ เหตุงฺ ตถาคโต เตสญฺจะ โย นิโรโธ จะ เอวํ วาที มหาสมฺโณ" "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้" ปฏิจจสมุปบาท ท่านได้แปลความไว้ดังนี้ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สังขารทั้งหลายมีเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สงฺขารปจฺจยา วิญฺญานํ วิญญาณมีเพราะสังขารทั้งหลายเป็นปัจจัย วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ นามและรูปมีเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ อายตนะ ๖ มีเพราะนามและรูปเป็นปัจจัย สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส ผัสสะ ๖ มีเพราะอายตนะ ๖ เป็นปัจจัย ผสฺสปจฺจยา เวทนา เวทนามีเพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาปจฺจยา ตณฺหา ตัณหามีเพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ อุปาทานมีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานปจฺจยา ภโว ภพมีเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภวปจฺจยา ชาติ ชาติมีเพราะภพเป็นปัจจัย ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายสา สมฺภวนฺติ ชรามีเพราะชาติเป็นปัจจัย มรณะมีเพราะชราเป็นปัจจัย ต่อนี้ตัวผล ทุกข์ทั้งหลายคือ ความแห้งใจเศร้าใจ ความบ่นพิรี้พิไร ความลำบากเหลือกลั้นเหลือทน ความต่ำใจ น้อยใจ ความคับแคบใจ ก็มีพร้อม เพราะมีมรณะเป็นปัจจัย เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ เมื่อปัจจยาการยังเป็นกำลังอุดหนุนซึ่งกันเป็นไปอยู่อย่างนี้ กองทุกข์ทั้งสิ้นก็เกิดขึ้นพร้อม ส่วนนี้เป็นสมุทัยวาร คำที่ว่า “ปัจจัย” นั้น ไม่ใช่เหตุ เป็นแต่ผู้อุดหนุนเหตุให้เป็นไปเท่านั้น ส่วนอวิชชา สังขาร วิญญาณ ถึงชรา มรณะ นั้นตัวเหตุคือตัวสมุทัยนั้นเอง คือแสดงเหตุด้วยปัจจัยด้วย ถ้าจะดับทุกข์ดับภาระก็ต้องดับที่เหตุพระพุทธเจ้าทรงสอนทรงแสดง นั้นอยู่ดีๆจะไปมองว่ามันสูญมันว่างเปล่ามันไม่มีตัวตน โดยที่ไม่สาวหาเหตุมาก่อนเลย มันเหมือนกับคน คนตาลยอดด้วน ขอบุญนี้จงเป็นของทุกสัตว์ ในประเทศนี้ที่ทุกข์เดือดร้อนจาก ภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ ให้บุญดูแลรักษา ให้พ้นจากทุกข์ ให้มีตวามสุข มีความปลอดภัยเมื่อรับแล้วช่วยยกเลิกภาษีฉบ้บนี้ด้วย
0 notes
smanee-blog · 2 years
Video
หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม และปฏิบัติธรรม ช่วงบ่าย 6 พ.ย.2565 (ยาสำหรับคนอายุ40ปีขึ้นไป หาที่อยู่สัปปายะอยู่กับต้นไม้เป็นธรรมชาติไม่ทำร้ายตนเอง) ถ้าไม่อยากผ่าก็กินไปกินยาขับน้ำเหลืองเสียกับยาฟอกเลือด กินสลับกันวันนี้กินขับน้ำเหลืองเสียพรุ่งนี้กินฟอกเลือดก๊อาจจะช่วยให้ซีสมันยุบลงไปได้แต่มันใช้เวลา ใช้เวลาพอควร ยาขับน้ำเหลืองเสียกะยาฟอกเลือดเนียมันจำเป็นสำหรับคนอายุ40ขึ้นไปอย่างน้อยเดือนหนึ่งก็กินมันสักสามวันเจ็ดวันมันจะช่วยทำให้หลอดเลือดสะอาดขึ้นท่อส่งเลือดมันจะได้ไม่มีอะไรไปอุดตัน น้ำเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายพอเจอท่อมันตัน มันก็ ท่อตีบเข้ามันก็ไปยากเหมือนกันที่นึ้ก็จะชาปลายมือปลายเท้าระบบประสาทหูตาลิ้นรับรสก็จะฝ้าฟางฝืนไป ไม่ตรงต่อความเป็นจริงไป เพาะฉะนั้นรู้จักจงทะลวงท่อล้างมันซะบ้างล้างมันซะบ้าง ล้างมัน กินยาละลายลิ่มเลือด ยาฟอกเลือดบ้าง ไม่ก็ยาขับน้ำเหลืองเสียบ้าง นะทำให้เลือดมันมันไหลเวียนได้รอบๆ มันก็จะยืดอายุ เซลต่างๆกล้ามเนื้อต่างๆให้มันทำงานได้อย่างดียิ่งมากขึ้น ก็..หาที่อยูที่มันที่เขาเรียกว่าสัปปายะเป็นธรรมชาติไม่ทำร้ายตนเอง คือมันต้องใช้คำว่าอะไร เดี๋ยวนี้โลกและสังคมมันอยู่ยากขึ้นอยู่ตรงไหนที่มันอยู่แล้วมันปลอดภัยผ่อนคลายโปร่งเบาสบายก็หาอยู๋ อยู่แล้วมัน มันไม่ปลอดภัยไม่ผ่อนคลาย ไม่โปร่งเบาสบาย เราก็หาที่ใหม่ บางที่ข้างๆบ้านมันมีแต่มลภาวะมันก็ลำบากเหมือนกันอยู่ ยากก็พยายาม ต้องสร้างเครื่องป้องกันเอาไว้ ถ้าจำเป็นก็ต้นไม้เยอะๆดีที่สุด ขอบุญนี้จงเป็นของทุกสัตว์ ในประเทศนี้ที่ทุกข์เดือดร้อนจาก ภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ ให้บุญดูแลรักษา ให้พ้นจากทุกข์ ให้มีตวามสุข มีความปลอดภัยเมื่อรับแล้วช่วยยกเลิกภาษีฉบ้บนี้ด้วย
0 notes
smaneekaov-blog · 2 years
Photo
Tumblr media Tumblr media Tumblr media
หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม และปฏิบัติธรรม ช่วงบ่าย 6 พ.ย.2565 (ยาสำหรับคนอายุ40ปีขึ้นไป หาที่อยู่สัปปายะอยู่กับต้นไม้เป็นธรรมชาติไม่ทำร้ายตนเอง) ถ้าไม่อยากผ่าก็กินไปกินยาขับน้ำเหลืองเสียกับยาฟอกเลือด กินสลับกันวันนี้กินขับน้ำเหลืองเสียพรุ่งนี้กินฟอกเลือดก๊อาจจะช่วยให้ซีสมันยุบลงไปได้แต่มันใช้เวลา ใช้เวลาพอควร ยาขับน้ำเหลืองเสียกะยาฟอกเลือดเนียมันจำเป็นสำหรับคนอายุ40ขึ้นไปอย่างน้อยเดือนหนึ่งก็กินมันสักสามวันเจ็ดวันมันจะช่วยทำให้หลอดเลือดสะอาดขึ้นท่อส่งเลือดมันจะได้ไม่มีอะไรไปอุดตัน น้ำเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายพอเจอท่อมันตัน มันก็ ท่อตีบเข้ามันก็ไปยากเหมือนกันที่นึ้ก็จะชาปลายมือปลายเท้าระบบประสาทหูตาลิ้นรับรสก็จะฝ้าฟางฝืนไป ไม่ตรงต่อความเป็นจริงไป เพาะฉะนั้นรู้จักจงทะลวงท่อล้างมันซะบ้างล้างมันซะบ้าง ล้างมัน กินยาละลายลิ่มเลือด ยาฟอกเลือดบ้าง ไม่ก็ยาขับน้ำเหลืองเสียบ้าง นะทำให้เลือดมันมันไหลเวียนได้รอบๆ มันก็จะยืดอายุ เซลต่างๆกล้ามเนื้อต่างๆให้มันทำงานได้อย่างดียิ่งมากขึ้น ก็..หาที่อยูที่มันที่เขาเรียกว่าสัปปายะเป็นธรรมชาติไม่ทำร้ายตนเอง คือมันต้องใช้คำว่าอะไร เดี๋ยวนี้โลกและสังคมมันอยู่ยากขึ้นอยู่ตรงไหนที่มันอยู่แล้วมันปลอดภัยผ่อนคลายโปร่งเบาสบายก็หาอยู๋ อยู่แล้วมัน มันไม่ปลอดภัยไม่ผ่อนคลาย ไม่โปร่งเบาสบาย เราก็หาที่ใหม่ บางที่ข้างๆบ้านมันมีแต่มลภาวะมันก็ลำบากเหมือนกันอยู่ ยากก็พยายาม ต้องสร้างเครื่องป้องกันเอาไว้ ถ้าจำเป็นก็ต้นไม้เยอะๆดีที่สุด ขอบุญนี้จงเป็นของทุกสัตว์ ในประเทศนี้ที่ทุกข์เดือดร้อนจาก ภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ ให้บุญดูแลรักษา ให้พ้นจากทุกข์ ให้มีตวามสุข มีความปลอดภัยเมื่อรับแล้วช่วยยกเลิกภาษีฉบ้บนี้ด้วย
0 notes
smaneekaov-blog · 2 years
Photo
Tumblr media
หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม และปฏิบัติธรรม ช่วงบ่าย 6 พ.ย.2565 (กดนวดศรีษะ บริหารตน) งานไม่ได้มีใครตกงานหลอกลูกเอ๋ย มันมีทั้งงานข้างนอกและงานภายใน คนตกงานคือคนตาย คนตายคือคนตกงาน ถ้ายังมีชีวิตอยู่มันต้องมีงาน ถ้าบอกว่ามีชีวิตแล้วไม่มีงานแสดงว่าตายดีกว่า อยู่ไปก็รกโลก มีชีวิตต้องมีงานทำ ส่วนจะทำงานภายนอกก็ดีทำภายในก็ดีมันต้องได้ทำ ถ้าไม่ได้ทำมันเท่ากับสิ่ง..เป็นสิ่งไม่มีชีวิตหรือไร้ชีวืตนั่นเอง หาวิธีการบริหารจัดการ ขอบุญนี้จงเป็นของทุกสัตว์ ในประเทศนี้ที่ทุกข์เดือดร้อนจาก ภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ ให้บุญดูแลรักษา ให้พ้นจากทุกข์ ให้มีตวามสุข มีความปลอดภัยเมื่อรับแล้วช่วยยกเลิกภาษีฉบ้บนี้ด้วย
0 notes
smanee-blog · 2 years
Video
หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม และปฏิบัติธรรม ช่วงบ่าย 6 พ.ย.2565 (กดนวดศรีษะ บริหารตน) งานไม่ได้มีใครตกงานหลอกลูกเอ๋ย มันมีทั้งงานข้างนอกและงานภายใน คนตกงานคือคนตาย คนตายคือคนตกงาน ถ้ายังมีชีวิตอยู่มันต้องมีงาน ถ้าบอกว่ามีชีวิตแล้วไม่มีงานแสดงว่าตายดีกว่า อยู่ไปก็รกโลก มีชีวิตต้องมีงานทำ ส่วนจะทำงานภายนอกก็ดีทำภายในก็ดีมันต้องได้ทำ ถ้าไม่ได้ทำมันเท่ากับสิ่ง..เป็นสิ่งไม่มีชีวิตหรือไร้ชีวืตนั่นเอง หาวิธีการบริหารจัดการ ขอบุญนี้จงเป็นของทุกสัตว์ ในประเทศนี้ที่ทุกข์เดือดร้อนจาก ภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๖๔ ให้บุญดูแลรักษา ให้พ้นจากทุกข์ ให้มีตวามสุข มีความปลอดภัยเมื่อรับแล้วช่วยยกเลิกภาษีฉบ้บนี้ด้วย
0 notes