morgangansblog - Tumblr blog

morgangansblog · 4 months

Text

ความหมายไพ่ทาโร่ต์ 78 ใบ ดูดวงด้วยตัวเอง

ไพ่ทาโรต์คืออะไร

ไพ่ทาโรต์คือ ไพ่ทำนายประเภทหนึ่ง มีทั้งหมด 78 ใบ แบ่งเป็นสำรับใหญ่ (Major Arcana) 22 ใบ และสำรับเล็ก (Minor Arcana) 56 ใบ ซึ่งจะแบ่งแยกย่อยลงไปอีกเป็น 4 หมวดหมู่คือ ดาบ ถ้วย ไม้เท้า และเหรียญ ไพ่ทาโรต์มีหลากหลายรูปแบบตามแต่ผู้วาดซึ่งจะอ้างอิงกับสัญลักษณ์และความหมายเดียวกัน แต่ไพ่ทาโรต์ที่ฮิตมากที่สุดคือชุดไรเดอร์เวต (Raider-Waite) ซึ่งเป็นชุดที่ใช้ประกอบบทความนี้ เพราะเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดีที่สุด และยังสื่อความหมายได้อย่างชัดเจนอีกด้วย แต่เดี๋ยวก่อน หลายคนคงสงสัยว่าแล้วไพ่ทาโรต์กับไพ่ยิปซีต่างกันอย่างไรกันแน่ใช่มั้ยคะ จริง ๆ แล้วคนไทยมักเรียกไพ่ทาโรต์ว่าไพ่ยิปซี เพราะว่ากลุ่มคนที่มักใช้ไพ่ทาโรต์ในการทำนายคือชาวยิปซีที่เดินทางเร่ร่อนไปทั่วนั่นเอง! บางคนจึงเรียกไพ่ชนิดนี้ว่าไพ่ยิปซีค่ะ เอาละ เกริ่นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับไพ่ทาโรต์ไปสักพักแล้ว ได้เวลามาเรียนรู้ความหมายเบื้องต้นของไพ่ทาโรต์ทั้ง 78 ใบกันแล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา รีบสับไพ่ทาโรต์ของเพื่อน ๆ ให้ไวเลย ตั้งคำถามที่อยากรู้ จากนั้นหยิบขึ้นมา 1 ใบ แล้วไปอ่านคำทำนายกัน

ไพ่ Major Arcana และความหมาย

ไพ่ Major Arcana หรือเป็นไพ่สำรับใหญ่หรือสำรับหลักในการทำนาย บางครั้งอาจใช้เพียงไพ่ 22 ใบนี้ในการทำนายก็ได้เช่นกัน โดยไพ่สำรับนี้จะอ้างอิงตำนานต่าง ๆ และเน้นทำนายไปยังสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นหลัก ไม่ได้เจาะจงเรื่องเงิน งาน ความรู้ หรือความเครียดเพียงเรื่องเดียว ไพ่ Major Arcana มีทั้งหมด 22 ใบ ดังนี้

The Fool หมายถึง การเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ การเสี่ยงอันตราย หากว่าเปิดได้ไพ่ใบนี้แล้วล่ะก็ เส้นทางใหม่ที่เพื่อน ๆ จะเดินไปอาจมีความเสี่ยง แต่เป็นความเสี่ยงที่เพื่อน ๆ ต้องการ รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง

The Magician หมายถึง ความทะเยอทะยาน การลงมือทำ ไพ่บอกว่าเพื่อน ๆ เก่งมาก อยากทำอะไรก็ลุยให้เต็มที่เลย เพราะไฟในตัวมีเยอะพอ ๆ กับความสามารถ ดังนั้นลุยได้เลยไม่ต้องยั้ง

The High Priestess หมายถึง ความฉลาด มีความรู้ความสามารถ เป็นตัวแทนของคนเก่งมากความสามารถ แต่มักซ่อนสิ่งนั้นเอาไว้ภายในรูปลักษณ์นิ่งเงียบที่แสดงให้ภายนอกได้เห็น

The Empress หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ ความเป็นแม่ เปิดได้ไพ่ใบนี้บอกเลยว่าจะเจอแต่ความสุขความสบาย เงินทองมั่งมี หรืออาจหมายถึงโอกาสตั้งครรภ์ได้ด้วย

The Emperor หมายถึง การมีอำนาจ ชอบสั่ง และไม่ยอมใคร เพื่อน ๆ อาจอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องยอมทำตามผู้ใหญ่ ถูกบังคับจากคนมีอำนาจมากกว่าก็เป็นได้ และยังหมายถึงความมั่นคงได้อีกด้วย

The Hierophant หมายถึง การมีความรู้ การแต่งงาน การรวมเป็นหนึ่ง พระคือตัวแทนของผู้มีความรู้และยังเป็นตัวแทนในการแต่งงานรวมเป็นครอบครัวเดียวกัน อาจหมายถึงการเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น ๆ

The Lovers หมายถึง ความ��ัก การตัดสินใจ แน่นอนว่าใบนี้ต้องหมายถึงความรัก ได้พบเจอความรัก หรือต้องตัดสินใจเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

The Chariot หมายถึง ความแน่วแน่ มุ่งมั่น ขยัน ทุ่มเท เมื่อเจอไพ่ใบนี้ เพื่อน ๆ ก็ต้องทำตัวให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าม้าศึกถึงจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ

Strength หมายถึง ความแข็งแกร่ง บริหารจัดการเก่ง ไพ่นี้คือตัวแทนของหญิงสาวสุดแกร่ง มีอะไรเข้ามาก็ไม่อาจทำอะไรเธอได้ แถมยังจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

The Hermit หมายถึง ความสันโดษ โดดเดี่ยว วิเคราะห์ เมื่อเจอไพ่ใบนี้ก็คงเลี่ยงไม่พ้นการอยู่ตัวคนเดียว การใช้เวลารักษาเยียวยาจิตใจ หรือแม้แต่การใช้เวลาเพื่อคิดวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ รอบตัว อย่าได้ใจร้อนทำสิ่งใดเด็ดขาด

The Wheel of Fortune หมายถึง โชคชะตา เปลี่ยนแปลง หากไพ่ใบนี้ปรากฏขึ้น เพื่อน ๆ ต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะมีโอกาสเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันได้ มีการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่อาจขัดขวางได้ อาจจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ได้เช่นกัน

ไพ่ Major Arcana และความหมาย (ต่อ)

Justice หมายถึง การตัดสินใจ เท่าเทียม กฎหมาย หากเปิดเจอไพ่นี้แสดงว่าเพื่อน ๆ จะได้รับความยุติธรรม มีการตัดสินใจที่ก่อให้เกิดความเท่าเทียม หรืออาจจะเจอกับเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายก็ได้เช่นกัน

The Hanged Man หมายถึง การรอคอย เสียสละ เพื่อน ๆ อาจได้เจอกับสถานการณ์ที่ไม่อาจตัดสินใจทำอะไรได้ ต้องอยู่นิ่ง ๆ ต้องรอคอย หรืออาจจะต้องเสียสละความสุขส่วนตัวบางอย่าง

Death หมายถึง การเปลี่ยนแปลง เกิดใหม่ เรื่องร้าย ๆ จะกลายเป็นดีนะคะ สิ่งต่าง ๆ ที่ว่าร้ายแรงแล้วจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทีละนิด

Temperance หมายถึง การต่อรอง ผสมผสาน สมดุล ไพ่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ สร้างความสมดุลให้ชีวิต ต้องต่อรองและยอมอ่อนข้อบ้างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

The Devil หมายถึง การควบคุม ผูกมัด ไร้ความหวัง ระวังให้ดี เมื่อไพ่ใบนี้ปรากฏขึ้นมา เพราะเพื่อน ๆ อาจเจอกับการควบคุม ถูกผูกมัดโดยไม่เต็มใจจนทำให้หมดพลังใจและหมดความหวัง

The Tower หมายถึง การเปลี่ยนแปลงกะทันหัน การทะเลาะเบาะแว้ง ต้องเตรียมใจให้ดี เพราะอาจเจอเรื่องไม่คาดฝัน ได้รับข่าวสารที่ไม่ทันได้เตรียมใจ หรือเกิดเรื่องบาดหมางใหญ่โตกับคนรอบตัว

The Star หมายถึง ความหวัง ความสงบ แม้ฟ้าจะมืดมิด แต่หากไพ่ใบนี้โผล่ขึ้นมาก็เหมือนกับมีความหวังจากดวงดาวปรากฏขึ้น ควรทำตัวให้สงบเยือกเย็นเอาไว้

The Moon หมายถึง ความกลัว ภาพลวงตา บางครั้งความกลัวก็อาจคืบคลานเข้ามาหาเพื่อน ๆ แบบไม่รู้ตัว แต่ไพ่อาจบอกให้พิจารณาให้ดีว่าสิ่งนั้นน่ากลัวจริง ๆ หรือเป็นเพียงภาพลวงตา

The Sun หมายถึง การเติบโต แสงสว่าง มีชีวิตชีวา ไพ่ที่เป็นตัวแทนของความร้อนแรงและสดใส และเร็ว ๆ นี้อาจมีเรื่องดี ๆ เข้ามาเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้

Judgement หมายถึง การตัดสินใจ โอกาสครั้งที่สอง จะมีเรื่องสำคัญมาก ๆ เข้ามาให้ต้องตัดสินใจ ต้องปล่อยอดีตให้ผ่านไปเพื่อให้สิ่งใหม่ ๆ ได้เข้ามาแทน

The World หมายถึง ความสำเร็จ ความสมบูรณ์ ถือเป็นอีกหนึ่งใบดี ๆ อีกหนึ่งใบ มีความสำเร็จเกิดขึ้น ชีวิตเติมเต็มมาก ๆ ด้วย

ไพ่ถ้วยและความหมายไพ่ถ้วย

ไพ่ถ้วย (Cups) คือตัวแทนของความรู้สึกของผู้เปิดไพ่หรือผู้ที่ถูกถามถึง มีทั้งความหมายด้านดีและด้านลบ แบ่งเป็นทั้งหมด 14 ใบ ดังนี้

ถ้วย หมายถึง ความรัก การเริ่มต้น การมอบสิ่งดี ๆ ให้กับอีกฝ่ายหรืออาจจะเป็นฝ่ายได้รับสิ่งดี ๆ จากผู้อื่น

ถ้วย หมายถึง คนรัก คู่รัก การมอบความรักให้กันและกัน ถ้าชอบใครอยู่อาจมีโอกาสสมหวังนะคะ

ถ้วย หมายถึง การเฉลิมฉลอง ปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ มีความรักแบบเพื่อนฝูง แฮปปี้มีความสุข

ถ้วย หมายถึง การหยุดนิ่ง ความเบื่อหน่าย แม้จะมีความสุข มีสิ่งดี ๆ รายล้อม แต่กลับเบื่อหน่ายเพราะอยู่แต่ในกรอบเดิม ๆ

ถ้วย หมายถึง การสูญเสีย ความเศร้า เหมือนถ้วยที่ล้มลง ความรู้สึกสิ้นหวัง ความหวังพังทลาย

ถ้วย หมายถึง ความสงบสุข มีคนมาเยี่ยม อาจได้รับเซอร์ไพรส์จากคนอื่น มีการมาหาแบบไม่ทันตั้งตัว ได้รับของฝาก

ถ้วย หมายถึง ความสับสน ตัวเลือกเยอะ เกิดขึ้นได้จากความรู้สึกที่มีมากมายเกินความจำเป็น หรือแม้แต่มีข้อเสนอเข้ามาเยอะมากจนตัดสินใจไม่ถูก

ถ้วย หมายถึง การจากลา ทอดทิ้ง การเดินหนีจากสิ่งที่ทำให้ผิดหวัง หรือเรื่องนั้น ๆ ได้จบลงแล้ว ได้เวลาก้าวต่อไป

ถ้วย หมายถึง สมหวัง ความหวังเป็นจริง สิ่งที่อยากได้กำลังจะกลายเป็นจริงแล้วนะคะ นั่งรอได้เลย

ถ้วย หมายถึง ความสุข ครอบครัว การมีทุกอย่างพร้อม มีความสุขแบบสุด ๆ

มหาดเล็กถ้วย หมายถึง ความสนุก ชอบเข้าสังคม ได้พบเจอกับคนมากหน้าหลายตา หรืออาจได้รับข่าวสารบางอย่าง

อัศวินถ้วย หมายถึง นักสู้ นักฝัน การขอร้อง ขอแต่งงาน อยากได้สิ่งใดก็ต้องออกไปฝ่าฟันเอามาให้ได้

ราชินีถ้วย หมายถึง สัญชาตญาณดี การพิจารณา หากต้องตัดสินใจอะไรก็ตาม ต้องคิดทบทวนอย่างรอบคอบ

ราชาถ้วย หมายถึง ฉลาด สุขุม อดทน แม้ว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่มั่นคงใด ๆ ก็ต้องวางตัวหนักแน่ ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์

ไพ่เหรียญและความหมาย

ไพ่เหรียญ (Pentacles) คือตัวแทนของเงินทองและความมั่งคั่ง ยิ่งเหรียญเยอะก็ยิ่งหมายถึงความร่ำรวย โดยแบ่งเป็น 14 ใบ ดังนี้

เหรียญ หมายถึง เงินทอง ความสำเร็จ การเริ่มต้น จุดเริ่มต้นของความมั่นคงมาถึงแล้ว เตรียมรับให้ดี

เหรียญ หมายถึง การตัดสินใจ การเลือกด้วยความระมัดระวัง และยังหมายถึงการหมุนเงินอีกด้วย

เหรียญ หมายถึง การแสดงความสามารถออกมาให้คนอื่นเห็น การมุ่งมั่นสร้างฐานะ

เหรียญ หมายถึง ความมั่นคง ความร่ำรวย เก็บเงินเก่งจนสร้างความมั่นคงให้ชีวิตได้ดี

เหรียญ หมายถึง มีปัญหาทางการเงิน การแยกจากกัน ความลำบาก ช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้ และคนอื่นก็ไม่ได้ช่วยเหลือเช่นกัน

เหรียญ หมายถึง ความมีน้ำใจ การแบ่งปัน แต่ก็เป็นการแบ่งปันที่ไม่เท่าเทียม ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มากกว่า

เหรียญ หมายถึง การลงทุน รางวัลตอบแทน ได้รับผลตอบแทนของการทำงานที่ผ่านมา

เหรียญ หมายถึง ขยัน ทุ่มเท ขยันทำงานสร้างเงินทองและความมั่นคงของฐานะ ต้องทำงานถึงจะได้เงิน

เหรียญ หมายถึง มั่นคง มั่งคั่ง มีเงินเก็บมากมาย มีความสบายพร้อมทุกด้าน

เหรียญ หมายถึง การแต่งงาน ได้รับมรดก ชีวิตดี ๆ ครอบครัวดี เงินดี ชีวิตที่พร้อมทุก ๆ ด้าน

มหาดเล็กเหรียญ หมายถึง ได้รับข้อเสนอ ได้รับโอกาสดี ๆ แม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้นเล็ก ๆ ก็ตาม

อัศวินเหรียญ หมายถึง ความละเอียด การใส่ใจ รักอิสระ กล้าออกไปหาเส้นทางใหม่ ๆ

ราชินีเหรียญ หมายถึง ใจกว้าง ความอุดมสมบูรณ์ การคิดพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ

ราชาเหรียญ หมายถึง ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย มีเงินทองมากมาย หวังสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น ไม่ขัดสน ไม่ลำบาก

ไพ่ดาบและความหมาย

ไพ่ดาบ (Swords) คือตัวแทนของความเครียด การฟันฝ่าอุปสรรค หากอยากประสบความสำเร็จก็ยิ่งต้องฝ่าฟัน ยิ่งต้องใช้ดาบเยอะเท่านั้น ไพ่ดาบแบ่งเป็น 14 ใบ ดังนี้

ดาบ หมายถึง ความสำเร็จ จุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ ๆ มีคนยื่นโอกาสดี ๆ เข้ามาให้

ดาบ หมายถึง การจนมุม ขยับตัวไม่ได้ เลือกไม่ได้ว่าต้องทำอย่างไร ตัดสินใจไม่ได้

ดาบ หมายถึง ความเสียใจ ใจสลาย ต้องเจอเรื่องผิดหวัง และยังหมายถึงเจอฝนถล่มก็ได้

ดาบ หมายถึง การพักผ่อน นิ่งเฉย โดนกดดันจากรอบตัวจนไม่อาจตัดสินใจอะไรได้

ดาบ หมายถึง ปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา การไม่ลงรอยกันกับคนรอบตัว รวมไปถึงการสูญเสียบางสิ่งบางอย่าง

ดาบ หมายถึง การละเลยปัญหา เพิกเฉยต่อปัญหา จนบานปลายและทำให้ตกอยู่ในสภาวะจำยอม หรือต้องปล่อยตัวเองไปตามน้ำ

ดาบ หมายถึง การขโมย ทำเรื่องผิดกฎหมายต่าง ๆ รวมถึงงานที่มีเยอะมากจนล้นมือทำไม่ทัน

ดาบ หมายถึง การถูกบีบบังคับจากสถานการณ์ต่าง ๆ รอบตัวจนไม่อาจขยับตัวทำอะไรได้ หรือถูกปิดหูปิดตา

ดาบ หมายถึง ความเครียด ความกังวล ปวดหัว คิดมาก รุนแรงถึงขั้นนอนไม่หลับ

ดาบ หมายถึง จุดจบ สิ้นสุด เรื่องเครียดและปวดหัวต่าง ๆ จะจบลงในไม่ช้า

มหาดเล็กดาบ หมายถึง การใช้สัญชาตญาณในการตัดสินใจ เชื่อมั่นในตัวเอง และต้องอดทนเอาไว้แล้วจะชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้

อัศวินดาบ หมายถึง การต่อสู้ ฝ่าฟัน ศัตรู ต้องออกแรงค่อนข้างเยอะ ต้องเหนื่อย ต้องสู้ แล้วถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ

ราชินีดาบ หมายถึง ความอิสระเสรี ความตรงไปตรงมา ความเด็ดเดี่ยว จัดการสิ่งใดด้วยความเด็ดขาด ไม่ลังเล

ราชาดาบ หมายถึง ความมุ่งมั่น ความเด็ดเดี่ยว การคิดวิเคราะห์ หากเจออุปสรรคใด ๆ ต้องใช้ทั้ง 3 อย่างเพื่อผ่านไปให้ได้

ไพ่ไม้เท้าและความหมาย

ไพ่ไม้เท้า (Wands) คือตัวแทนของงาน ภาระหน้าที่ ความอดทน ยิ่งมีจำนวนไม้เท้ามากเท่าไรก็หมายถึงหน้าที่รับผิดชอบมากเท่านั้น รวมถึงต้องพยายามมากเท่านั้นด้วยเช่นกัน ไพ่ไม้เท้าแบ่งเป็น 14 ใบ ดังนี้

ไม้เท้า หมายถึง การได้รับข่าวสาร ได้รับโอกาส หรือได้เริ่มต้นกิจกรรมบางอย่าง

ไม้เท้า หมายถึง การวางแผนการต่าง ๆ ในอนาคต ความกล้าหาญ กล้าจะก้าวออกไปยังโลกอันไม่คุ้นเคย

ไม้เท้า หมายถึง การเดินทางไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคย ทำในสิ่งที่กลัว หรือการมองการณ์ไกล

ไม้เท้า หมายถึง การเฉลิมฉลอง การแต่งงาน หรือความสุขสมหวัง

ไม้เท้า หมายถึง การแข่งขันกับคนหมู่มาก อุปสรรคเยอะมาก หรือทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ลงรอยกัน

ไม้เท้า หมายถึง ชัยชนะ ความสำเร็จ การเฉลิมฉลองความสำเร็จ

ไม้เท้า หมายถึง ความยึดมั่น การปกป้องตัวเอง อุปสรรคหรือภาระที่ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กัน

ไม้เท้า หมายถึง ข่าวสาร การติดต่อสื่อสารจากทางไกล หรือมีโอกาสได้เดินทางไกล

ไม้เท้า หมายถึง ความเข้มแข็งและมุ่งมั่น การตัดสินใจเลือกสิ่งสำคัญ การป้องกันตัวเอง

ไม้เท้า หมายถึง ภาระหน้าที่หรือการทำงานมากเกินไปจนไม่สามารถขยับตัวไปทำสิ่งอื่น ๆ ได้

มหาดเล็กไม้เท้า หมายถึง ได้รับข่าวสาร กระตือรือร้น กล้าหาญ มุ่งมั่นกับสิ่งที่เลือกแล้ว

อัศวินไม้เท้า หมายถึง มั่นใจในตัวเอง ชอบเสี่ยง การลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความรวดเร็วว่องไว

ราชินีไม้เท้า หมายถึง การมีความคิดสร้างสรรค์ การเป็นตัวของตัวเอง

ราชาไม้เท้า หมายถึง การมีอำนาจ มีไอเดียใหม่ ๆ กล้าหาญ ความมั่นคงและน่าเชื่อถือ

ไพ่กลับหัว (Reversed) อ่านยังไง

ไพ่กลับหัวต้องอ่านยังไงเหรอคะ ง่ายมากค่ะ ก็อ่านตรงข้ามกับไพ่ปกติได้ ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นความหมายทางด้านลบ หรือมีความยากลำบากกว่าความหมายของไพ่ปกติ เช่น ไพ่ The Fool ที่หมายถึงการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ที่เพื่อน ๆ อยากทำอยากลอง หากอ่านตามความหมายไพ่กลับหัวก็จะเป็นการเริ่มต้นแบบพัง ๆ เริ่มต้นด้วยความไม่พร้อม โดนบังคับ และผลที่ออกมาก็จะค่อนข้างแย่ The Devil ที่หมายถึงการควบคุม ผูกมัด ไร้ความหวัง แต่เมื่อเป็นไพ่กลับหัวจะมีความหมายที่ต่างไปและค่อนข้างดีกว่าแบบปกติ เพราะหมายถึงการหลุดพ้น ได้เวลามูฟออนแล้ว

เมื่อหยิบไพ่ได้แล้วก็อย่าลืมใช้สัญชาตญาณในตัวเพื่อน ๆ เลือกความหมายของไพ่ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่นะคะ เพราะไพ่บางใบมีหลายความหมาย เสียงในหัวใจจะบอกเพื่อนได้เองค่ะว่าความหมายไหนคือสิ่งที่ไพ่อยากบอก และอย่าลืมฝึกบ่อย ๆ นะคะ เพื่อน ๆ จะได้เชื่อมโยงความหมายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จากนั้นก็เปิดไพ่ดูดวงแล้วใช้คำทำนายเหล่านั้นช่วยลุ้นหวยนำทางได้เลย

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

รวมแคปชั่นตรุษจีน ต้อนรับวันดีปีใหม่จีน

ตรุษจีนแล้ว อาหมวยอาตี๋ที่ยังเหงา มาลองตั้ง แคปชั่นอ่อย แคปชั่นตรุษจีน ขำๆ สร้างสีสันในตรุษจีนนี้กันหน่อยมั้ย! สำหรับเทศกาลตรุษจีนใครที่มีแพลนใส่เสื้อสีแดงออกไปเที่ยว ไปถ่ายรูปเก๋ๆ แล้ว แต่ยังไม่มีแคปชั่นเด็ดๆ ไว้โพสคู่กับรูปกันเลย วันนี้เราก็รวมแคปชั่นอ่อย แคปชั่นเด็ดๆ สำหรับสาวที่ยังโสดในวันตรุษจีนมาให้โพสเรียกไลค์กันแล้ว แต่ละแคปชั่นบอกว่าเลยทั้งเด็ดทั้งโดน รับรองตรุษจีนนี้ได้ทั้งแต๊ะเอีย ได้ทั้งอาเฮียมานอนกอดแน่นอนจ้า

แคปชั่นตรุษจีน

-ให้ซองแดงมันไม่เท่ โอนพร้อมเพย์มาเลยง่ายกว่า! -ที่บ้านรก ไม่ใช่เพราะอั๊วซกมก แต่เป็นเพราะอั๊วชอบลื้อไง -ไม่อยากได้แต๊ะเอีย อยากให้เฮียแต๊ะอั๋ง -ตรุษจีนนี้ไม่มีอั่งเปา🧧 มีแต่ความรักของเราเอาปะ? -ตรุษจีนไหว้ไก่ ไหว้หมู แล้วเมื่อไหร่จะพาหนูไปไหว้แม่ -ตรุษจีนได้อั่งเปา แต่ถ้าเป็นแฟนเราเธอจะได้รักจริงนะ -ไม่อยากได้อั่งเปา อยากได้คำว่าเรามากกว่านะ -ไม่อยากได้หรอกซองแดงๆ อยากได้แบงค์เทาๆ มากกว่า -ตรุษจีนต้องใช้ หัวหมู 🐷 ส่วนไอเลิฟยูต้องใช้ หัวใจ ❤ -ตรุษจีนใครยังไม่ได้อั่งเปา มาเอาแต๊ะอั๋งกับเราในวันวาเลนไทน์🤣 -ไม่มีหรอกอั่งเปา มีแต่เราจะเอาป่าว -เป็นคนจีนจะได้อั่งเปา แต่ถ้าเป็นแฟนเราจะได้แม่ของลูกที่ดี! -ตรุษจีนเค้าให้อั่งเปา แต่ถ้ารักเรา เอาแก้มซาลาเปาไปนะ -ตรุษจีน เค้าให้อั่งเปา ส่วนรักเรา เค้าให้แต่เธอนะ -เมื่อวานวันจ่าย วันนี้วันไหว้ แล้วเมื่อไหร่จะเป็นวันของเรา -ไม่มีหรอกอั่งเปา มีแต่ใจเรา จะเอามั้ย? -ถ้าไม่ได้อั่งเปา มากระซิบบอกรักเราเบาๆ เราพร้อมเปย์ -ตรุษจีนต้องกินไก่ แต่ในใจอยากกินเธอ -วาเลนไทน์ปีนี้ กุหลาบแดงๆ คงไม่ต้อง เราขอซองแดงๆ แทนดีกว่า -เปลี่ยนจากซินเจียยู่อี่ เป็นหว่ออ้ายหนี่แทนได้มั้ย

แคปชั่นอ่อยตรุษจีน

-ตรุษจง ตรุษจีนอะไรกันเล่าา ตรุษใจ เอ้ย‼️ "ติดใจ" เรานี่มาาาา -เป็นคนจีนจะได้แค่อั่งเปา แต่ถ้าเป็นคนของเราอ่ะได้ทุกอย่าง -ถ้าไม่ได้แต๊ะเอีย ได้เฮียก็ยังดี -ถึงเสียงประทัดจะดังเเค่ไหน เสียงบอกรักจากหัวใจฉันดังกว่าเสมอ -ตรุษจีนต้องใส่สีแดง แต่หลงรักเธออย่างแรงต้องทำยังไง -ตรุษจีนปีนี้ไม่มีอั่งเปา มีแต่รักเราที่พร้อมให้เธอทุกวัน -อาหมวยในวันนี้ คือแฟนพี่ในวันหน้า -ตรุษจีนไม่ต้องให้อั่งเปา ขอแบงค์เทาๆ มาให้เราก็พอ -ซินเจียยู่อี่บอกกับหม่ามี้ ส่วนหว่ออ้ายหนี่เก็บไว้บอกกับเธอ -ตรุษจีนคนอื่นแจกอั่งเป่า แต่เราอยากแจกความรักให้เธอนะ -เมื่อวานวันจ่าย วันนี้วันไหว้ แล้วเมื่อไหร่จะเป็นวันของเรา -ตรุษจีนได้หัวหมู แต่ไอเลิฟยู ได้ตัวเราตลอดไป -ตรุษจีนต้องใส่เสื้อผ้าสีแดง แต่ถ้าเธอนั้นเป็นแฟนต้องใส่เสื้อผ้าสีอะไร -บ้านพี่แจกอั่งเปามั้ย หนูเข้าไปเอาได้หรือเปล่า -อยากได้อั่งเปา ต้องไปเอาที่ห้องใคร -จะเอาแต๊ะเอีย หรือจะเอาแต๊ะอั๋ง? ถ้าแต๊ะเอียได้ตังค์ ถ้าแต๊ะอั๋งได้ตัว -ไม่ได้อั่งเปาไม่เป็นไร ขอแค่ได้ใจเธอก็พอ -ไม่มีหรอกอั่งเปา มีแต่แก้มนิ่มๆ ของเรา จะเอาป่ะละ -ที่บ้านรก ก็เพราะอั๊วชอบลื้อไง -แต๊ะเอียได้แค่ตังค์ แต่ถ้าแต๊ะอั๋งอาจได้แฟนนะ

แคปชั่นตรุษจีน อาจถูกนำมาใช้ในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น โพสต์รูปภาพหรือสตอรี่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อแสดงความเชื่อมั่นและความสนุกสนานในช่วงเทศกาล นอกจากนี้ คำบรรยายยังสามารถใช้เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีน หรือใช้เป็นโอกาสในการแสดงความคาดหวังหรือลุ้นหวยเป้าหมายในปีใหม่ด้วย

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

ประวัติความเป็นมาของ จุดประทัด เชิดสิงโต ประเพณี วันตรุษจีน

ในวันตรุษจีนเรามักจะได้ยินเสียงประทัดดังมาแต่ไกล หรือถ้าไปในย่านชุมชนเราก็จะได้ชมการแสดงเชิดสิงโตจากศาลเจ้าต่าง ๆ ด้วย โดยสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ชาวจีนสืบทอดกันมา ว่าแต่ว่า ทำไมชาวจีนจึงต้องจุดประทัด และเชิดสิงโตในช่วงวันตรุษจีนกันด้วยล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมก็ขอนำเรื่องราวธรรมเนียมของชาวจีนมาฝากกัน ไปดูกันซิว่า การจุดประทัด และเชิดสิงโตวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน จะมีความเชื่อ และความหมายอย่างไรกันบ้าง

การจุดประทัด

ประวัติความเป็นมาของการจุดประทัดในวันตรุษจีนนั้น เกิดขึ้นเมื่อในอดีตมีคนช่างคิดนำดินระเบิดใส่เข้าไปในบ้องไม้ไผ่เล็ก ๆ แล้วจุดไฟ จนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว คราวนี้บรรดาลูกเล็กเด็กแดงเมื่อได้ฟัง ก็พากันร้องไห้จ้าละหวั่น สุนัขสัตว์เลี้ยงทั้งหลายต่างพากันวิ่งหนีกันอลหม่าน จึงทำให้คนคิดว่า เสียงดังปัง ๆ ของประทัดจะสามารถไล่ตัว "เหนียน" ไปได้

ส่วนเจ้าตัว "เหนียน" นั้นชาวจีนมีความเชื่อว่า เป็นสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งที่มีร่างกายใหญ่โต มีลักษณะคล้ายวัวผสมกับแรด แถมยังมีนิสัยดุร้าย และมักออกหากินช่วงเวลากลางคืน ในวันที่อากาศหนาว ๆ เนื่องจากวันที่มีอากาศหนาวนั้นชาวบ้านจะมานั่งผิงไฟ หรือปิ้งย่างอาหารกันกลางหมู่บ้าน และเมื่อเจ้าเหนียนสัตว์ร้ายเห็น ก็จะรีบกระโจนมาแย่งอาหาร แต่ทันใดนั้นเอง กองไฟที่ทำจากไม้ไผ่ก็เกิดประกายไฟ แตกปะทุดังเปรี้ยงปร้าง เป็นเหตุให้เจ้าเหนียนหวาดกลัวและวิ่งหนีไปในที่สุด ส่วนชาวบ้านบางกลุ่มก็เชื่อว่า เจ้าเหนียนกลัวสีแดงของประกายไฟ จึงได้นำผ้าแดง และกระดาษแดง มาเขียนตัวอักษรถ้อยคำที่เป็นสิริมงคล ติดไว้ตามอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ เพื่อให้เหนียนเห็นแล้วไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งนี้ การเขียนกระดาษแดงก็เป็นที่นิยม และเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากชาวจีนจะเชื่อว่า "เหนียน" นั้นเป็นสัตว์ร้ายแล้ว คำว่า "เหนียน" ยังพ้องเสียงกับคำศัพท์ที่แปลว่า "ปี" ซึ่งคนจีนจะเชื่อว่า ช่วงสิ้นปีนั้น อากาศจะหนาวเย็นจัด ผู้คนมักไม่สบายกันมาก เพราะเจ้าตัวเหนียนออกอาละวาด ทั้งนี้การจุดประทัดเสียงดัง ก็น่าจะไล่เจ้าตัวเหนียน โรคภัยไข้เจ็บ และความอัปมงคลไปได้ ส่วนคนจีนบางกลุ่มก็เชื่อว่า การจุดประทัดนั้นเป็นการเรียกโชค ส่วนบางกลุ่มก็บอกว่า เป็นการจุดเพื่อให้เทพเจ้าได้ยิน ท่านจะได้มาช่วยคุ้มครองให้ชาวจีนอยู่เย็นเป็นสุข

การเชิดสิงโต

การเชิดสิงโต หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "ไซ่จื้อบู่" นั้น ถือว่าเป็นการละเล่นที่เป็นสัญลักษณ์ของวันตรุษจีนเลยทีเดียว โดยเฉพาะชาวจีนตอนเหนือ และชาวจีนตอนใต้ ที่มักจะเชิดสิงโตในวันที่มีงานแห่เจ้า หรือพิธีเซ่นสังเวยขอฝน ส่วนประวัติความเป็นมาที่ชาวจีนจะต้องเชิดสิงโตในวันตรุษจีนนั้น มีบันทึกของราชวงศ์ทางตอนเหนือและทางตอนใต้ในช่วง พ.ศ. 850-1132 ระบุว่า ชาวบ้านได้นำหัวสิงโตมาสวมใส่และเชิดเพื่อไล่ผีร้าย ที่ชาวบ้านต่างพากันเชื่อว่า จะลงมากินผู้ชายและสัตว์เลี้ยง จึงก่อเกิดเป็นความเชื่อว่า ถ้าเชิดสิงโตแล้วจะสามารถไล่ภูตผีปีศาจได้ จึงได้ปฏิบัติกันเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานับตั้งแต่บัดนั้น

สำหรับการเชิดสิงโตในวันตุรษจีน จะมีกลุ่มชายรูปร่างแข็งแรงเดินเชิดสิงโตเพื่อขอเงินบริจาค โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มคนที่เล่นดนตรีประกอบ และกลุ่มคนที่สวมหัวสิงโต ชุดสิงโต และคนที่ใส่หัวแป๊ะยิ้มถือพัด จากนั้นก็จะเดินผ่านไปยังถนนหนทางหมู่บ้าน พอชาวบ้านได้ยินเสียงกลอง ก็จะนำซองอั่งเปามาลุ้นหวยแขวนไว้บนยอดไม้สูง ๆ ซึ่งกลุ่มคนเชิดสิงโตก็จะต้องปีนหรือต่อตัวขึ้นไปหยิบซองดังกล่าว นับว่า เป็นประเพณีที่สนุกสนาน และน่าตื่นเต้นมากทีเดียว

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

ทายนิสัยตามกรุ๊ปเลือด คุณเป็นคนแบบไหน เผยนิสัยลับที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

นอกจากวันเดือนปีเกิดที่อาจทำนายได้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน กรุ๊ปเลือดก็สามารถทายนิสัยได้เหมือนกัน แถมยังสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของคุณในแบบที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน วันนี้จะมาชวนทุกคนเล่นเกมทายนิสัยไปพร้อม ๆ กัน แถมยังมีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาบอกอีกด้วยว่า ถ้าอยากจีบคนเลือดกรุ๊ปนี้ต้องทำอย่างไร เอาล่ะ ถ้าอยากรู้ว่ากรุ๊ปเลือดจะสามารถทายนิสัยได้ขนาดไหน ตามมาดูไปพร้อมกันได้เลยค่ะ

กรุ๊ปเลือด A

คนเลือดกรุ๊ป A ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ๆ เป็นคนที่ชอบคิด ชอบวางแผน ชอบเป็นผู้พูดมากกว่าผู้ฟัง และเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง ถึงแม้ภายนอกจะดูแข็งกร้าวไปหน่อย แต่จริง ๆ แล้วคุณเป็นคนที่อ่อนไหวมาก และมักจะระวังตัวเป็นพิเศษ แถมจุดเด่นของชาวกรุ๊ป A คือเป็นคนที่โกรธยาก แต่ถ้าทำให้โกรธล่ะก็ คนคนนั้นคงต้องหาวิธีแสดงความรู้สึกผิดอย่างจริงใจ ก่อนที่จะถูกโกรธไปมากกว่านี้

แต่ถ้าคุณอยากจะจีบคนเลือดกรุ๊ป A ขอบอกเลยว่าสเปคของชาวกรุ๊ปเอ คือคนที่ร่าเริง ยิ้มง่าย มีความเป็นผู้ใหญ่สูง แถมยังชอบคน ที่สำคัญกรุ๊ปเอยังเป็นพวกที่รู้ใจคนอื่นไปหมด แต่ไม่รู้ใจตัวเอง แถมยังชอบจินตนาการภาพตัวเองกับคนที่แอบชอบเสมอ ดูเหมือนว่าถ้าคุณอยากจีบคนเลือดกรุ๊ปนี้ คุณจะต้องเป็นฝ่ายจีบก่อนซะแล้วล่ะ

กรุ๊ปเลือด B

ถ้าคนเลือดกรุ๊ป A คือนิยามของคำว่าเงียบ ๆ เรียบร้อย งั้นชาวกรุ๊ป B คือขั้วตรงข้ามโดยสิ้นเชิง เพราะชาวกรุ๊ป B คือคนที่คาแรคเตอร์ชัดเจน มีแนวทางเป็นของตัวเอง รักอิสระเสรี ตามใจตัวเอง ชอบทำให้บรรยากาศรอยข้างเต็มไปด้วยความสนุก เป็นคนจริงใจ สามารถทำหลายสิ่งได้ในพร้อมกัน หากคุณโดนชาวกรุ๊ปบีโกรธ ก็เตรียมตัวไว้เลยเพราะหากโกรธเมื่อไหร่ คนกรุ๊ปนี้จะระเบิดอารมณ์ออกมาขั้นสุด ฟาดได้ฟาด ไม่เก็บมาคิดมาก แต่ก็หายโกรธเร็วจนน่าตกใจเลยล่ะ

ความน่ารัก เฟรนลี่ของคนเลือดกรุ๊ป B คงจะเตะตาใครหลายคนอยู่��ม่น้อย ถึงแม้เนื้อเพลงยอดฮิตจะบอกว่าคนกรุ๊ป B อกหักบ่อย แต่จริง ๆ แล้ว คนกรุ๊ปเลือดนี้ถือว่าฮอตอย่าบอกใคร หากคุณอยากจะจีบขอแนะนำให้ค่อย ๆ เปิดใจให้ และเข้าหาอย่างตรงไปตรงมา ความเป็นธรรมชาติค่อยเป็นค่อยไป มีอิสระให้ ทีนี้ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วแหละ

กรุ๊ปเลือด O

มาดูที่มิตรรักของเลือดกรุ๊ป B กันบ้าง สำหรับชาวเลือดกรุ๊ป O เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของความชิล อินดี้ ไม่อะไรกับใคร ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นคนขี้เหงา ไม่ชอบอยู่คนเดียว แถมยังเป็นคนฉลาด กระหายชัยชนะ ชอบสังเกตคนรอบตัว ชอบทำก่อนคิด แต่ก็เป็นคนที่มีความสุขเวลาได้ทำให้คนรอบข้างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จึงไม่แปลกเท่าไหร่ที่กรุ๊ป O และ B จะเป็นเพื่อนสนิทหรือคนรักที่มีเคมีตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ

หากคุณอยากจีบคนเลือดกรุ๊ป O ขอบอกไว้เลยว่าระวังจะโดนความเจ้าชู้ของเจ้าตัวเล่นงาน แถมยังเป็นคนที่ช่างสังเกตจนมัดใจคนอื่นได้อยู่หมัด ถึงอย่างนั้นคนกรุ๊ป O ก็เป็นคนที่เศร้ากับเรื่องความรักได้ง่ายมาก ถึงจะเศร้ายังไงก็ยังเลือกที่จะยิ้ม แต่ถ้าอยู่คนเดียวเมื่อไหร่ก็ร้องไห้เมื่อนั้น ถ้าคิดจะจีบจริง ๆ ก็อย่าลืมดูแลรักษาหัวใจของคนเลือดกรุ๊ป O ไว้ดี ๆ ด้วยนะ

กรุ๊ปเลือด AB

ปิดท้ายกันไปกับกรุ๊ปเลือดสุดยูนีค กรุ๊ปเลือด AB ถือได้ว่าเป็นที่ปรึกษาที่ดีของเพื่อน ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะคนกรุ๊ป AB จะเป็นคนเงียบ ๆ ชอบให้คำปรึกษา คอยรับฟังผู้อื่น แต่บางมุมก็เป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงจนหลายคนหงุดหงิด แถมยังเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ เวลาทำอะไรเหตุผลจะมาก่อนเป็นอันดับแรก ชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในหัวตลอดเวลา แถมยังไม่ชอบให้ใครมาสั่งอีกด้วย

ถ้าคุณอยากจะจีบคนกรุ๊ปเลือด AB ฟังดูแล้วเหมือนจะยาก แต่ก็อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น เพราะคนกรุ๊ปเลือดนี้เป็นคนที่จริงใจ รักใครแล้วจะรักสุดหัวใจ เพียงแค่คุณแสดงความบริสุทธิ์ใจให้พวกเขาเชื่อ เท่านี้ก็พิชิตใจชาว AB ได้ไม่ยากแล้ว แต่ต้องเตือนไว้สักหน่อย หากโดนโกรธขึ้นมาขอให้ทุกคนสังเกตให้ดี เพราะคนเลือดกรุ๊ปนี้เวลาโกรธแล้วจะไม่ค่อยแสดงออก แถมยังเบื่อง่ายอีกด้วย

ลองทายนิสัยกันแล้วเป็นยังไงบ้างคะ ตรงบ้างหรือไม่ ถ้าหากอ่านแล้วรู้สึกโดนใจ นี่แหละตัวฉันเลย ก็อย่าลืมนำไปลุ้นหวยทายเล่นกับเพื่อน ๆ ดูว่าเพื่อนมองเราเป็นแบบนี้ด้วยหรือไม่

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

ตําราพรหมชาติ ดูดวงตามอายุ ชาย-หญิง ตำราโบราณ

เรื่องราวเกี่ยวกับโหราศาสตร์ เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของมนุษย์มานานตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว ไม่ว่าจะชนชาติไหน เพราะมนุษย์มีความเชื่อว่าดวงดาว และตำแหน่งของดาวนั้น ส่งผลกับชีวิต และจิตวิญญาณของมนุษย์ แม้แต่ประเทศไทยของเราเอง ก็มีความเชื่อเรื่องดวงเหมือนกัน อย่างเช่นการตั้งเสาเมือง ก็ต้องอาศัยฤกษ์ยามที่ดี หรือดูดวงเมือง เพื่อจะดูทิศทางในการบริหาร และการดูดวงนั้น ก็เหมือนเป็นการเตรียมใจ เพื่อรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั่นเอง วันนี้เรามาดูดวงด้วยตัวเอง จากตำราพรหมชาติกันดีกว่า ชีวิตของเราจะไปในทิศทางไหน

ตำราพรหมชาติคือ

เป็นตำราโหราศาสตร์ของไทย ที่มีความเก่าแก่มาก มีการสั่งสม Know How และวิชาความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์ของไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ รวบรวมเป็นตำราการดูดวงและโหราศาสตร์ ในศาสตร์ต่าง ๆ ของไทย อย่างเช่นการตั้งชื่อ การตรวจดวงชะตาชีวิต การทำนายฝัน การดูฤกษ์ยาม การตั้งบ้านเรือน การเลือกคู่ครอง การทำพิธีสะเดาะเคราะห์ การบูชาเลี้ยงผี และอื่น ๆ ซึ่งรากความเชื่อทางโหราศาสตร์ของไทย มีการผสมผสานความเชื่อต่าง ๆ จากกลุ่มชาติพันธุ์ไทย-ลาว อินเดีย และจีนเข้าด้วยกัน (ความเชื่อทางพุทธและพราหมณ์) มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ผ่านการค้าขายกับต่างชาติ การรวบรวมเป็นตำราพรหมชาตินั้น เริ่มตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และมีการตีพิมพ์เป็นหนังสือ ซึ่งฉบับเก่าแก่ที่สุด เป็นของโรงพิมพ์พานิชศุภผล ตั้งแต่ก่อนปีพ.ศ. 2455 และก่อนที่จะมีการรวบรวมเป็นตำรา คนไทยก็มีความเชื่อเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์มานาน อย่างการสร้างเมือง การดูฤกษ์ยามในการรบ การทำเครื่องรางของขลัง การปลุกเสก การตั้งชื่อลูก แม้แต่นิทานพื้นบ้านต่าง ๆ ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ การทำนายฝัน และการสะเดาะห์เคราะห์ ทั้งหมดนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับตำราพรหมชาติทั้งสิ้น ตำราพรหมชาติตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันนี้ จึงเป็นศาสตร์การดูดวงที่มีมานานเกินร้อยปีแล้ว และเรียกได้ว่าเป็นเสมือนหมอดูสามัญประจำบ้าน เพราะมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทย ตั้งแต่เกิดจนตาย และเราสามารถดูดวงด้วยตัวเองผ่านตำราพรหมชาติได้

คำทำนายตำราพรหมชาติ

ถ้าตก เจดีย์ ชะตาของท่านในปีนั้น ท่านจะได้ใช้ชีวิตอย่างร่มเย็นเป็นสุข จะมีแต่ความสุขกายสบายใจ จะได้ทำบุญกุศลในศาสนา ปรารถนาสิ่งใดจะได้สมดั่งหวังทุกประการ

ถ้าตก ฉัตรเงิน ชะตาของท่านในปีนั้น ท่านจะมีสุข จะมีโชคลาภเงินทองมากมาย จะมีผู้ใหญ่อุปถัมภ์ค้ำจุน ถ้าทำราชการหรือค้าขาย ก็จะมีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ถ้าตก คนคอขาด ชะตาของท่านในปีนั้น ท่านจะได้รับความเดือดร้อน จะได้รับความร้อนใจต่าง ๆ ซึ่งจะมีผู้ทำให้แก่ท่าน และจะได้รับความทุกข์ยากลำบาก ทำให้ท่านต้องเสียทรัพย์สินเงินทองอยู่เสมอ

ถ้าตก เรือนหลวง ชะตาของท่านในปีนั้น ท่านจะได้รับแต่ความสุขสบาย มีความเจริญก้าวหน้าในกิจการทุกอย่าง ท่านจะมีโชคลาภ ได้เงินทอง จะมีผู้อุปถัมภ์อย่างดียิ่ง พวกศัตรูที่คิดร้ายจะแพ้ภัยตัวเอง

ถ้าตก ปราสาททอง ชะตาของท่านในปีนั้น ถ้าเป็นโสดจะได้พบเนื้อคู่ ชะตาชีวิตของท่านจะได้พบแต่ความสุข เจริญก้าวหน้า กิจการที่ทำจะได้ผลประโยชน์แก่ท่านเป็นที่พึงใจ จะสมความปรารถนาทุกประการ จะได้สัตว์ 4 เท้า 2 เท้า ถ้าค้าขายจะร่ำรวย

ถ้าตก ราหู ชะตาของท่านในปีนั้น ท่านจะได้รับความร้อนอกร้อนใจ จะเป็นถ้อยความผู้อื่นที่ทำให้ท่านได้รับความร้อนใจอยู่เสมอ ทำให้ท่านต้องเสียทรัพย์สินเงินทอง จะเกิดเป็นปากเสียงกับเพื่อนบ้าน จะพบกับความวุ่นวายอย่างไม่รู้จบ และจะเกิดเจ็บป่วยขึ้นแก่ท่าน

ถ้าตก ฉัตรทอง ชะตาของท่านในปีนั้น ท่านจะได้ประสบโชคลาภ มั่งมีด้วยทรัพย์สินเงินทอง พร้อมด้วยลาภยศมิตรสหาย จะมีผู้ใหญ่คอยให้ความอุปถัมภ์เป็นอย่างดี ชะตาชีวิตของท่านในปีนี้ จะมีแต่ความสุขความเจริญสบายใจ

ถ้าตก เทวดาขี่เต่า ชะตาของท่านในปีนั้น ท่านจะมีความสุขพอประมาณ การเงินการทองพอมีใช้มีจ่าย จะทำอะไรจงคิดให้รอบคอบเสียก่อน มิฉะนั้นจะเกิดผลผิดพลาดขึ้นได้ และจะทำให้เดือดร้อนใจ

ถ้าตก คนต้องขื่อคา ชะตาของท่านในปีนั้น จัดว่าชะตาตกอยู่ในฐานะมิสู้ดี จงมีความระวังในญาติพี่น้อง จะนำความเดือดร้อนใจมาให้ คนรักมักจะเอาใจออกห่าง ให้ระวังอันตราย เร่งจำศีลภาวนา จงทำบุญกุศลสะเดาะเคราะห์ อย่าเดินทางไกล จะได้รับโทษทัณฑ์อาญา

ถ้าตก พ่อหมอ ชะตาของท่านในปีนั้น จะพบผู้ใหญ่อุปถัมภ์ค้ำชูแก่ท่าน ให้ยศศักดิ์ ท่านจะมีความสุขเจริญก้าวหน้า จะมีโชคลาภมาสู่ท่าน เป็นที่พึงใจยิ่ง โพยภัยมิได้มีมาพ้องพานเลย

ถ้าตก แม่มด ชะตาของท่านในปีนั้น ท่านจะได้พบผู้เฒ่าเจ้านายที่มีความค้ำชูให้ท่านได้พบกับความสุขความเจริญ คำพูดของท่านจะเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจแก่คนทั้งหลาย จะไปแห่งใดมีแต่คนรักใคร่ จะมีผู้นำโชคลาภมาให้แต่ไม่มากนัก ท่านจะต้องเหนื่อยกายและใจบ้าง

ถ้าตก นาคราช ชะตาของท่านในปีนั้น จัดว่าร้าย จงระวังจะเกิดพยาธิ การเจ็บไข้ได้รับความเจ็บปวด เลือดจะออกจากตัว ให้เกรงเขี้ยวงาและของมีคม จะมีผู้ปองร้าย จงจำศีลภาวนา อย่าเบียดเบียนสัตว์ ทุกข์จะบรรเทาโทษแล

เป็นอย่างไรบ้างกับการดูดวงด้วยตัวเอง สนุกไหมคะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ตำราพรหมชาติบอกว่าตกที่นั่งลำบาก ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะการดูดวง เป็นแค่การเตือนให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติขึ้นเท่านั้น ถ้าอยากให้สบายใจขึ้น ก็ลองทำดีกับคนใกล้ตัว คนที่รักและเป็นห่วงเรา หรือไปทำบุญกับคนยากไร้เพื่อสะเดาะเคราะห์ ก็เป็นแนวทางการปฏิบัติที่ดี ทำในสิ่งที่เราสบายใจที่สุด อย่างน้อย ๆ ผลบุญนั้นจะส่งผลลุ้นหวยเป็นสุขภาพจิตที่ดี กำลังใจที่แข็งแกร่ง ให้เราสามารถรับมือกับอุปสรรคที่จะผ่านเข้ามาได้ ความเชื่อนี้เป็นแค่ความเชื่อส่วนบุคคล อย่าลืมใช้วิจารณญาณกันด้วยนะ

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

เช็กให้ชัวร์ เราอยู่ราศีอะไรกันแน่ ที่ผ่านมาดูถูกหรือผิดกันน

เรื่องเช็กดวง ดูคำนายตามราศี บอกเลยว่าสาว ๆ อย่างเรายืนหนึ่งมากค่ะ ตำราไหนดี เว็บไหนที่ว่าแม่นเป็นอันต้องเช็คทุกรายปักษ์ แต่ไม่รู้ว่าหลายคนเจอปัญหาเหมือนกันมั้ยคะ บางทีดูเว็บนั้นอยู่ราศีอยู่นึง แต่พอดูอีกที่ก็ย้ายไปอยู่อีกราศีนึง ทำเอางงเลยค่ะซิส ตกลงจะเชื่อตำราไหนดี ไม่ต้องสับสนอีกต่อไปค่ะ เพราะวันนี้พาทุกคนมาเช็กราศีตามวันที่เกิด เกิดราศีไหนมีหลักการดูยังไงบ้างและที่ผ่านเราดูถูกหรือผิดกันนะ ไปดูกันเลย

เราอยู่ราศีไหนยึดหลักอะไร

ศาสตร์พยากรณ์แต่ละที่จะอิงหลักการดูแตกต่างกัน เมื่ออ่านแล้วทำให้เราอาจจะเกิดการสับสนกับราศีและคำทำนายได้ เพราะฉะนั้นให้เรายึดตามหลักของหมอดูที่เรากำลังดูอยู่เป็นหลักค่ะ ซึ่งก่อนทำนายทุกครั้งจะมีการแบ่งช่วงราศีตามวันเกิดบอกอยู่ หากไม่มีช่วงราศีบอกให้เรายึดตามหลักของตัวเองที่เคยดูมาได้ค่ะ

สัญลักษณ์ประจำราศี

นอกจากจะรู้เรื่องช่วงราศีที่เกิดแล้ว สัญลักษณ์ประจำราศีก็เป็นสิ่งที่น่ารู้เหมือนกันค่ะ ซึ่งที่มาของสัญลักษณ์ประจำราศีมาจากกลุ่มดวงดาวบนท้องฟ้าที่มองเห็นเป็นรูปต่าง ๆ จึงนำมาตั้งเป็นสัญลักษณ์นั่นเองค่ะ มาดูกันดีกว่าแต่ละราศีจะมีสัญลักษณ์อะไรกันบ้าง

-กลุ่มดาวมังกร (Capricorn) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ แพะทะเล

-กลุ่มดาวกุมภ์ (Aquarius) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ คนแบกหม��อน้ำ

-กลุ่มดาวมีน (Pisces) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ ปลาคู่

-กลุ่มดาวราศีเมษ (Aries) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ แกะ

-กลุ่มดาวพฤษภ (Taurus) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ วัว

-กลุ่มดาวเมถุน (Gemini) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ คนคู่

-กลุ่มดาวกรกฏ (Cancer) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ ปู

-กลุ่มดาวสิงห์ (Leo) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ สิงโต

-กลุ่มดาวกันย์ (Virgo) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ หญิงสาว

-กลุ่มดาวตุล (Libra) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ คันชั่ง

-กลุ่มดาวพิจิก (Scorpio) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ แมงป่อง

-กลุ่มดาวธนู (Sagittarius) สัญลักษณ์ประจำราศี คือ ธนู

12 ราศีภาษาอังกฤษ

เมื่อรู้ถึงเรื่องสัญลักษณ์ประจำราศีกันไปแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ควรรู้ไว้นั่นก็คือศัพท์ภาษาอังกฤษประจำราศีนั่นเองค่ะ จะสังเกตได้ว่าตามหนังสือดูดวงจะพบคำศำศัพท์เกี่ยวกับราศีไว้อยู่ มาดูกันดีกว่าแต่ละราศีมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่าอะไรบ้าง

-Capricorn / แคป – พริ – เคิน / ราศีมังกร

-Aquarius / อะ – แคว – เรียส / ราศีกุมภ์

-Pisces / ไพซ์ – ซีส / ราศีมีน

-Aries /แอ – รีส / ราศีเมษ

-Taurus /ทัว – รัส / ราศีพฤษก

-Gemini / เจ – เม – นี่ / ราศีเมถุน

-Cancer / แคน – เซอร์ / ราศีกรกฎ

-Leo / ลี – โอ / ราศีสิงห์

-Virgo / เวอร์ – โก้ / ราศีกันย์

-Libra / ลิ – บร้า / ราศีตุลย์

-Scorpio / สคอร์- พิ – โอ / ราศีพิจิก

-Sagittarius / ซา – จิท – แท – เรียส / ราศีธนู

นับราศีแบบไทย (จากหมู่ดาวบนฟ้า)

สำหรับแบบแรกเป็นแบบดั้งเดิมและเป็นที่นิยมของไทยและแขก โดยเริ่มนับจากกลางเดือนของราศีนั้น ยกตัวอย่างเช่น คนที่เกิด 16 ธันวาคม - 15 มกราคม จะอยู่ในช่วงของคนที่เกิดราศีธนู ซึ่งการนับแบบเป็นการนับจากราศีที่เป็นหมู่ดาวบนฟ้า โดยจุดเริ่มต้นของราศีแรกอยู่ที่กลางเดือนเมษายนของแต่ละปี ราศีตามช่วงวันเกิดก็จะมีดังนี้เลยค่ะ

-ผู้ที่เกิดราศีธนู : ตั้งแต่ 16 ธันวาคม – 14 มกราคม

-ผู้ที่เกิดราศีมังกร : ตั้งแต่ 15 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์

-ผู้ที่เกิดราศีกุมภ์ : ตั้งแต่ 13 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม

-ผู้ที่เกิดราศีมีน : ตั้งแต่ 15 มีนาคม – 12 เมษายน

-ผู้ที่เกิดราศีเมษ : ตั้งแต่ 13 เมษายน ถึง 14 พฤษภาคม

-ผู้ที่เกิดราศีพฤษก : ตั้งแต่ 15 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน

-ผู้ที่เกิดราศีเมถุน : ตั้งแต่ 15 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม

-ผู้ที่เกิดราศีกรกฎ : ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม

-ผู้ที่เกิดราศีสิงห์ : ตั้งแต่ 16 สิงหาคม – 16 กันยายน

-ผู้ที่เกิดราศีกันย์ : ตั้งแต่ 17 กันยายน – 16 ตุลาคม

-ผู้ที่เกิดราศีตุลย์ : ตั้งแต่ 17 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน

-ผู้ที่เกิดราศีพิจิก : ตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม

เป็นอย่างไรบ้างคะทุกคนกับหลักการเช็กดวงที่เราเอามาฝากกัน พอได้อ่านแล้วก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าที่ผ่านมาเราดูถูกหรือดูผิด แต่ของแบบนี้ไม่มีถือหรือผิดค่ะ อยู่ที่ความเชื่อล้วน ๆ เอาเป็นว่าก่อนอ่านคำทำนายให้ดูช่วงของราศีที่ตำราเล่มนั้นบอกไว้ก่อนจะดีกว่า ถ้าไม่มีบอกไว้จริง ๆ ก็ให้ยึดถือหลักการที่เราเคยดูมาก่อน หรืออย่างใครที่เกิดในช่วงคร่อมราศี ก็ให้อ่านลุ้นหวยทำนายดวงทั้งสองราศีไปเลย เพื่อความสบายใจ

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

ดอกบัวมี 4 เหล่า รู้ไหมเล่าเราอยู่เหล่าใด

ในพุทธศาสนา มีการกล่าวถึงเรื่องของดอกบัว 4 เหล่า ซึ่งเป็นคำอุปมา โดยเปรียบเปรยถึงบุคคล 4 ประเภทที่มีโอกาสบรรลุนิพพานได้หรือไม่ได้ มีจุดเริ่มต้นมาจากโพธิราชกุมารสูตร ในพระไตรปิฎกภาษาบาลีและคัมภีร์สุมังคลวิลาสินี ซึ่งได้ระบุไว้ว่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระองค์ได้ทรงพิจารณาแล้วเห็นพระธรรมที่ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อนและยากต่อบุคคลทั่วไปจะเข้าใจ รับรู้ และสามารถปฏิบัติได้ พระองค์จึงทรงพิจารณาเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง และพบว่าบุคคลทั้งหลายบนโลกใบนี้ มีหลากหลายจำพวก บางคนสามารถสอนธรรมให้บรรลุธรรมได้ง่าย บางคนอาจต้องได้รับการชี้แนะหรือฝึกฝน และบางคนก็สอนไม่ได้เลย ซึ่งความแตกต่างของแต่ละบุคคลเหล่านี้ พระพุทธเจ้าจึงได้นำมาเปรียบเทียบกับลักษณะของดอกบัว 4 เหล่า ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น

อุคคฏิตัญญู บัวที่ชูช่อพ้นน้ำ เป็นดั่งคนมีสติปัญญาดี เรียนรู้ได้เร็ว

วิปจิตัญญู บัวปริ่มน้ำ คือลักษณะของคนที่มีสติปัญญาดี แต่ต้องได้รับการชี้แนะ

เนยยะ บัวที่อยู่ใต้น้ำ หมายถึงคนที่มีสติปัญญาพอใช้ ต้องได้รับการสั่งสอนและฝึกอยู่เป็นนิจจึงจะดี

ปทปรมะ บัวที่จมอยู่ในโคลน ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่ไร้สติปัญญา เรียนรู้ไม่ได้

โดยลักษณะของดอกบัวทั้ง 4 เหล่านี้ ถ้านับมาเรียบเรียงในมุมมองของการจัดการเรียนรู้ เราจะสามารถอธิบายลักษณะการเรียนรู้ของนักเรียนพร้อมทั้งสอดแทรกแนวทางในการจัดการเรียนรู้สำหรับนักเรียนในแต่ละแบบได้ดังนี้

อุคคฏิตัญญู (บัวพ้นน้ำ) กลุ่มของบุคคลที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว ที่เพียงแค่ได้ฟังธรรมในครั้งแรกก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็สามารถเบ่งบานได้ทันทีซึ่งถ้ามองในมุมมองของนักเรียน กลุ่มนี้น่าจะหมายถึงกลุ่มนักเรียนที่มีความพร้อมและมีพื้นฐานในการเรียนรู้ที่ดีอยู่แล้ว ทำให้สามารถเรียนรู้ได้เร็ว และทำความเข้าใจในบทเรียนได้ง่าย ทำให้การจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนในกลุ่มนี้ ครูผู้สอนควรเน้นที่กิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งให้นักเรียนมีความท้าทายและกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักคิดวิเคราะห์ เพื่อให้นักเรียนสามารถประยุกต์ใช้และสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ด้วยตัวเอง

วิปจิตัญญู (บัวปริ่มน้ำ) คือกลุ่มบุคคลที่มีสติปัญญาปานกลาง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติมจึงจะสามารถเข้าใจหลักธรรมต่าง ๆ ได้ในเวลาไม่นานนัก เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป ซึ่งนักเรียนในกลุ่มนี้ คือกลุ่มของนักเรียนที่มีพื้นฐานในการเรียนรู้ที่ดี แต่อาจขาดเทคนิคหรือแนวคิดในการเรียนรู้ที่เหมาะสม ทำให้มีปัญหาการเรียนรู้ในระยะแรก ดังนั้นครูผู้สอนจึงควรให้คำแนะนำในการเรียนรู้ให้กับนักเรียน คอยส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียนสามารถค้นหาแนวทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนในกลุ่มนี้สามารถเรียนรู้ได้ดีตามแนวทางเหมาะสมมากยิ่งขึ้นในอนาคต

เนยยะ (บัวใต้น้ำ) กลุ่มบุคคลที่มีสติปัญญาพอใช้ ที่ต้องได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม และต้องมีความขยันหมั่นเพียรฝึกฝนอยู่เป็นประจำ จึงจะสามารถเข้าใจถึงหลักธรรมคำสอนได้ เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อย ๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง โดยสำหรับนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมและฝึกฝนอยู่เสมอ จึงจะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นครูผู้สอนจึงจำเป็นต้องเน้นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนได้ฝึกฝนอยู่เป็นประจำ และควรเสริมแรงให้นักเรียนมีความขยันหมั่นเพียร โดนการชมเชยและให้กำลังใจ ซึ่งเป็นหนทางที่ช่วยให้นักเรียนในกลุ่มนี้ เรียนรู้ได้ดีมากยิ่งขึ้น

ปทปรมะ (บัวจมอยู่ในโคลน) กลุ่มบุคคลที่ไร้สติปัญญา ที่แม้ได้ฟังธรรมเท่าไหร่ ก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ เพราะขาดศรัทธาและไร้ซึ่งความพากเพียร ซึ่งเปรียบเสมือนกับดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน

เรื่องของดอกบัว 4 เหล่านี้ นับเป็นแนวทางทางพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง ที่น่าจะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถจัดสรรห้องเรียนให้เหมาะสมกับระดับการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนได้ ซึ่งการจับกลุ่มนักเรียนตามระดับของการเรียนรู้นั้น จะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับนักเรียนแต่ละกลุ่มและยังช่วยให้ครูผู้สอนสามารถจัดการเรียนรู้ได้ง่ายกว่าการเรียนรู้รวมกันอีกด้วย จึงเป็นเรื่องนี้ที่มีประโยชน์อย่างมาก ถ้าสามารถนำสิ่งนี้มาลุ้นหวยประยุกต์ใช้ในระบบคัดกรอกนักเรียนของโรงเรียนต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

12 นักษัตรไทย-จีน มีความหมายแตกต่างกันอย่างไร

เชื่อว่าหลายคน คงรู้จักและเคยได้ยินกันมาอยู่แล้ว กับ 12 นักษัตร ประจำปีเกิด แล้วทราบกันหรือไม่ว่าปีนักษัตร หมายถึงอะไร มีที่มาอย่างไร และจะแตกต่างกับปีนักษัตรของจีนอย่างไร วันนี้แอดมินนำเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาให้คุณแล้วค่ะ เราไปดูกันเลย

ตำนานปีนักษัตรไทย คือ

ปีนักษัตรที่เราคุ้นหูกัน หรือมีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า นักขัต เป็นปีตามปฏิทินสุริยคติไทย และชาติอื่นในเอเชียตะวันออก เช่น ประเทศจีน แบ่งเป็นรอบปี รอบละ 12 ปี แต่ละปีกำหนดสัตว์เรียกเป็นชื่อเรียงกันไป ปีนักษัตรนับรอบละ 12 ปี เป็นคติที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในภูมิภาคเอเชีย ทั้งไทยและจีน

ปีนักษัตร 12 ปีนั้นเรียงลำดับได้ดังนี้

ปีหนู (ชวด)

ปีวัว (ฉลู)

ปีเสือ (ขาล)

ปีกระต่าย (เถาะ)

ปีมังกร (มะโรง)

ปีงู (มะเส็ง)

ปีม้า (มะเมีย)

ปีแพะ (มะแม)

ปีลิง (วอก)

ปีไก่ (ระกา)

ปีสุนัข (จอ)

ปีหมู (กุน)

ตำนานปีนักษัตรจีน คือ

ตำนานเรื่องเล่าในสมัยปีใหม่แรกของจีน วันชิวอิก หรือเรียกอีกอย่างว่าวันที่ 1 เดือนอ้ายของจีน มีสัตว์ต่างๆ มาชุมนุมหน้าวังหลวงของฮ่องเต้สวรรค์ และหลังจากนั้น ฮ่องเต้ประกาศให้สัตว์ 12 ชนิด ที่มาถึงก่อนวันชิวยี่ หรือวันที่ 2 ของเดือนอ้าย ดังนั้นสัตว์ 12 ชนิด จึงได้รับแต่งตั้งเป็นองครักษ์ใน 1 วัน สัตว์ 1 ชนิด อยู่ยาม 2 ชั่วโมง สัตว์ 12 ชนิด อยู่ยาม 24 ชั่วโมง รวมเป็น 12 ยามเฝ้าวังหลวง จึงเป็นที่มาของ 12 นักษัตรจีนในปัจจุบันค่ะ

เกิดปีไหน ตรงกับ 12 นักษัตรใด

ปีชวดหรือปีหนู ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2455, 2467, 2479, 2491, 2503, 2515, 2527, 2539, 2551, 2563, 2575 เกิดปีไหน ตรงกับ 12 นักษัตรใด ปีชวดหรือปีหนู ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2455, 2467, 2479, 2491, 2503, 2515, 2527, 2539, 2551, 2563, 2575

ปีฉลูหรือปีวัว ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2456, 2468, 2480, 2492, 2504, 2516, 2528, 2540, 2552, 2564, 2576

ปีขาลหรือปีเสือ ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2457, 2469, 2481, 2493, 2505, 2517, 2529, 2541, 2553, 2565, 2577

ปีเถาะหรือปีกระต่าย ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2458, 2470, 2482, 2494, 2506, 2518, 2530, 2542, 2554, 2566, 2578

ปีมะโรงหรือปีมังกร (งูใหญ่) ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2459, 2471, 2483, 2495, 2507, 2519, 2531, 2543, 2555, 2567, 2579

ปีมะเส็งหรือปีงู ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2460, 2472, 2484, 2496, 2508, 2520, 2532, 2544, 2556, 2568, 2580

ปีมะเมียหรือปีม้า ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2461, 2473, 2485, 2497, 2509, 2521, 2533, 2545, 2557, 2569, 2581

ปีมะแมหรือปีแพะ ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2462, 2474, 2486, 2498, 2510, 2522, 2534, 2546, 2558, 2570, 2582

ปีวอกหรือปีลิง ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2463, 2475, 2487, 2499, 2511, 2523, 2535, 2547, 2559, 2571, 2583

ปีระกาหรือปีไก่ ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2464, 2476, 2488, 2500, 2512, 2524, 2536, 2548, 2560, 2572, 2584

ปีจอหรือปีสุนัข ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2465, 2477, 2489, 2501, 2513, 2525, 2537, 2549, 2561, 2573, 2585

ปีกุนหรือปีหมู ได้แก่คนที่เกิดในปีพุทธศักราช 2466, 2478, 2490, 2502, 2514, 2526, 2538, 2550, 2562, 2574, 2586

หมดไปแล้วนะคะกับ 12 นักษัตรไทย-จีน มีความหมายแตกต่างกันอย่างไร เป็นอย่างไรลุ้นหวยกันบ้างคะ ไขข้อข้องใจกันแล้วใช่ไหมเอ่ย ว่าตกลงแล้วปีนักษัตรของเรามีความเป็นมาอย่างไร

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

สายมูห้ามพลาด บูชา ท้าวเวสสุวรรณ วัดจุฬามณีสมุทรสงคราม

ท้าวเวสสุวรรณ กุเวร เวสวัณ หรือสุดแท้แต่ใครจะเรียกว่าอะไรก็ตาม เรารู้จักท่านในรูปร่างลักษณะของยักษ์ตัวใหญ่ ร่างสีเขียวหรือสีแดงถือกระบองไว้ตรงหว่างขา ความเชื่อแบบปากต่อปากจากการไปจุดธูปและนำดอกกุหลาบไปไหว้ขอพรที่ได้ทั้งโชคลาภกลับมา การเงินไม่ติดขัด การงานสามารถซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความเร็จมีความมั่งคั่ง หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักท่านอย่างลึกซึ้ง วันนี้ ฉันมากับดวง จะพาทุกคนไปรู้จักกับท้าวเวสสุวรรณ ที่เรานิยมไปไหว้และไปหาท่านในยามทุกข์ใจกัน

ประวัติท้าวเวสสุวรรณ

ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพเจ้าแห่งยักษ์ เป็นหนึ่งในจาตุมหาราช ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มียักษ์เป็นบริวาร ในรามเกียรติ์ เป็นโอรสของท้าวลัสเตียนกับนางศรีสุมณฑา มีพระอนุชาคือ ท้าวกุเปรัน ท้าววัสวตีวัณ (เจ้าแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6) ทรงอิทธิฤทธิ์อานุภาพมาก เคยตัดเศียรของท้าวราวัณขาดไป 1 เศียร ครองโลกบาลทิศเหนือ ท้าวเวสสุวรรณ คือท้าวกุเวร ในศาสนาฮินดู

ความเชื่อท้าวเวสสุวรรณในตำนาน

ท้าวเวสสุวรรณ ตามความเชื่อและความศรัทธา เป็นหนึ่งในท้าวทั้งสี่ หรือ ท้าวจตุโลกบาล ที่ทำหน้าที่รักษาทิศทั้ง 4 ในสวรรค์ชั้นแรกของสวรรค์ทั้ง 7 ชั้น คือ ชั้นจาตุมหาราชิกา ที่แบ่งออกเป็น 4 ส่วน โดยท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพผู้เป็นใหญ่ ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย และเชื่อว่าเป็นเทพแห่งความมั่งคั่ง โดยประจำทิศเหนือ และยังมีเทพอื่นอีก 3 องค์คือ ท้าววิรุฬหก ประจำทิศใต้ ท้าวธตรฐ หรือพระอินทร์ ประจำทิศตะวันออก และท้าววิรูปักษ์ ประจำทิศตะวันตก คนไทยโบราณนิยมนำผ้ายันต์รูปยักษ์ผูกไว้ที่หัวเตียงเด็กเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายไม่ให้มารังควานแก่เด็ก หรือป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้าย

ลักษณะของท้าวเวสสุวรรณ

เป็น ยักษ์สามขามีฟันแปดซี่ มีสี่กรพระวรกายสีขาว สวมอาภรณ์งดงามมีมงกุฎเป็นน้ำเต้าทรงอยู่พระเศียร แต่มีรูปกายพิการ ร่างกายกำยำดูแข็งแรง รูปร่างสมส่วน มือขวาถือกระบอกยาวมียักษ์เป็นบริวาร ยักษ์จะเป็นพวกกายทิพย์พวกหนึ่งมีสันดานที่แตกต่างกัน บางตนมีสันดานดีประกอบด้วยศีลธรรม บางตนมีสันดานร้ายจิตใจเต็มไปด้วยโทสะโมหะ อีกตำนานหนึ่ง ท้าวเวสสุวรรณยังมีกายสีเขียว สัณฐานสูง 2 คาวุต ประมาณ 200 เส้น มีอาวุธเป็นกระบอง มีพาหนะ ช้าง ม้า รถ ปราสาท อาภรณ์มงกุฎประดับรูปนาค ดำรงอิสริยยศเป็นเจ้าแห่งยักษ์ มีบริวารแสนโกฏิ ถือโล่แก้วประพาฬ หอกทอง

ที่มาชื่อเรียก ท้าวกุเวร

เนื่องจากท้าวกุเวรมีรูปร่างพิการ จึงมีเหตุให้พระพรหมตั้งชื่อให้ท้าวกุเวร หากย้อนไปในหลายตำรา ท้าวเวสสุวรรณเป็นยักษ์ที่มีกายผิวพรรณ และพัสตราภรณ์สีเหลืองทองจิตใจดีงาม และอุทิศตนเพื่อพิทักษ์สัมมาสัมพุทธเจ้า

รูปปั้นยักษ์ ทำหน้าที่ปกปักรักษาบริเวณวัด

ตามวัดเรามักจะเห็นท้าวเวสสุวรรณ รูปปั้นยักษ์ที่มีหนึ่งหรือสองตน ยืนถือกระบองค้ำยืนอยู่หน้าวิหารหรือโบสถ์ที่เก็บของมีค่า โบราณวัตุของทางวัด ถ้ามีตนเดียวก็คือ ท้าเวสสุวรรณแต่ถ้ามีสองตนก็คือบริวารของท้าวเวสสุวรรณที่คอยทำหน้าที่ปกปักรักษาบริเวณวัด

ท้าวเวสสุวรรณ ชอบให้ทรัพย์แก่ผู้ประพฤติดี

ท้าวเวสสุวรรณเป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย สัญลักษณ์แห่งมหาเศรษฐี อาทิ ท้าวรัตคัน ผู้มีเพชรเต็มพุง ท้าวกุเวรรัตนบดีผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์ ท้าวธเณศวรเป็นเจ้าแห่งทรัพย์ ท้าวเวสสุวรรณยิ่งด้วยทอง ท้าวเวสสุวรรณเป็นเทพอสูรที่มีอำนาจปกปักรักษา มีบทบาทปกครองภูตผีปิศาจที่เกเร มีอำนาจทางด้านการเงิน เพราะเป็นผู้รักษาขุมทรัพย์ของแผ่นดิน เป็นมหาเทพแห่งความมั่งคั่ง มีอำนาจในการประทานทรัพย์แก่ผู้ประพฤติปฏิบัติดี ผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศทรัพย์สินเงินทองอำนาจวาสนาให้บูชารูป ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวร

หน้าที่ของท้าวเวสสุวรรณ

การดูแลปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา ปกป้องดูแลแก่ผู้นั่งสมาธิพระกรรมฐาน ขับไล่ภูติผีปิศาจวิญญาณร้ายแก้เสนียดอัปมงคลคุณไสยต่างๆ เรียกว่าทั้งกันทั้งแก้ก็ได้หมด หากผู้ใดบูชาท่านด้วยความศรัทธาจะประสบแต่ความโชคดีมีทรัพย์ตลอดจนพ้นภัยจากบรรดาภูติผีปิศาจทั้งหลาย

เคล็ดลับการบูชาท้าวเวสสุวรรณ

สำหรับ ชีวิตติดขัด การเงิน การงานโชคลาภลุ้นหวย ทำอย่างไรแล้วไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร สามารถไหว้เองได้ แต่สำหรับใครสะดวกจุดธูปกลางแจ้งหันหน้าทางทิศเหนือ หรือจะเข้าห้อง จุดธูป 9 ดอก ดอกกุหลาบ 9 ดอก พระสมาทานศีล 5 สวดชินบัญชร ตามด้วยบทบูชาท้าวเวสสุวรรณ

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

หมูโสร่ง เมนูเด็ดมัดใจคุณพี่ในละคร บุพเพสันนิวาส

หมูโสร่ง เป็นอาหารไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากเรือการค้าของโปรตุเกสและจีน จัดเป็นอาหารว่างที่นิยมรับประทานกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยในช่วงแรกนั้นการใช้หมูเป็นส่วนผสมไม่นิยมมากนักเพราะชาวบ้านไม่นิยมทานสัตว์ใหญ่ จึงเปลี่ยนมาเป็นเนื้อไก่แทน เมนูนี้จึงเรียกว่าไก่โสร่ง ส่วนเส้นหมี่ก็ใช้ไข่แทน เพราะในสมัยนั้นเส้นหมี่มีราคาแพงนั่นเอง จนต่อมาการรับประทานหมูได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไก่โสร่งจึงเปลี่ยนกลับมาเป็นหมูโสร่งจนถึงทุกวันนี้

สำหรับขั้นตอนในการทำหมูโสร่งนั้น ถือว่าง่ายกว่าขั้นตอนในการทำอาหารไทยชาววังมาก ซึ่งนั่นเป็นเพราะเมนูนี้เป็นอาหารที่ชาวบ้านทั่วไปรับประทานกันแพร่หลาย แม้ในสูตรของชาววังจะต้องพิถีพิถันในเรื่องของการพันเส้นหมี่ แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ยิ่งในปัจจุบันมีสูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับในการพันเส้นหมี่มากมาย ทำให้เมนูหมูโสร่งเป็นเมนูแสนง่ายที่ใครก็ทำได้ไม่ยาก

ส่วนผสมสำคัญของหมูโสร่ง

1.เนื้อหมูบดละเอียด 300 กรัม

2.ไข่ไก่ 1 ฟอง

3.เส้นหมี่ซั่วขาว(รสจืด) 100 กรัม

4.กระเทียม 2 ช้อนชา

5.รากผักชี 2 ช้อนชา

6.พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

7.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

8.เกลือ 1/4 ช้อนชา

9.น้ำมันสำหรับทอด

ขั้นตอนและวิธีทำหมูโสร่ง

1.นำรากผักชีกับกระเทียมโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำเนื้อหมูบดคลุกเคล้ารากผักชีกับกระเทียมที่โขลกละเอียดแล้วในชามผสม ปรุงรสให้อร่อยด้วยเกลือ พริกไทยป่นและน้ำปลา

2.ตอกไข่ใส่ลงไปในชามหมูปรุง คนให้เข้ากัน จากนั้นนวดเนื้อหมูให้เหนียว

3.เตรียมเส้นหมี่ซั่วด้วยการนำไปจุ่มน้ำแล้วผึ่งรอไว้

4.ปั้นหมูปรุงเป็นลูกกลมๆ ให้เท่าๆ กันเตรียมไว้ จากนั้นนำเส้นหมี่ซั่วประมาณ 3 – 5 เส้นพันกับก้อนเนื้อหมูให้เหมือนกับตะกร้อ โดยในส่วนของการพันเส้นหมี่กับหมูปรุงนั้น ให้พันเรียงทีละเส้นทับกันไปมา เมื่อพันเส้นหมี่ครบแล้ว ให้ใช้ไม้จิ้มฟันกดปลายเส้นหมี่ที่โพล่อ��กมาเข้าไป จะช่วยให้เส้นหมี่ไม่หลุดออกเวลาทอด

5.ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน โดยน้ำมันที่ใช้ทอดต้องเทให้ท่วมกระทะ ตั้งไฟอ่อนก่อน เพื่อให้หมูสุกพอดีโดยที่เส้นหมี่ไม่ไหม้

6.เมื่อน้ำมันร้อนแล้วให้นำหมูลงทอดสักพัก จนเส้นหมี่ติดแน่นกับเนื้อหมูไม่หลุดแน่นอนแล้ว จากนั้นเร่งไฟเป็นไฟกลาง ทอดจนหมูเหลืองกรอบ ซึ่งถ้าหากใครไม่มั่นใจกลัวว่าเส้นหมี่จะหลุด ให้นำหมูที่พันแล้วใส่ในกระชอนทอด แล้วทอดพร้อมทั้งกระชอนจะช่วยให้เส้นหมี่ที่พันไว้รอบหมูไม่หลุดออก

7.ตักหมูที่ทอดเสร็จแล้วพักให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ยากเลยใช่หรือไม่ สำหรับเมนูอาหารไทยโบราณจานนี้ ยิ่งทำง่ายก็คงได้มีโอกาสลุ้นหวยทำรับประทานกันบ่อยๆ เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเป็นเมนูทานเล่นสำหรับทุกคนในครอบครัว ทำทานในหมู่เพื่อน ทำเลี้ยงแขกหรือจัดเลี้ยงถวายพระก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เพราะฉะนั้น หากใครเคยคิดว่าเมนูนี้ทำยากคงต้องเปลี่ยนความคิด แล้วไปเข้าครัวทำหมูโสร่งทานให้อร่อยกันทั้งบ้านได้แล้ว

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

มือใหม่ ปลูกสตอเบอรี่ ไม่อยากอย่างที่คิด ที่ไหนก็ปลูกได้

สตรอว์เบอร์รี่ปลูกเองนั้นจะเปี่ยมด้วยรสชาติและความสด เนื่องจากมันเป็นสามารถเป็นอาหารหรือนำไปตกแต่งได้ สตรอว์เบอร์รี่นั้นจึงเหมาะที่สุดที่จะปลูกในสวนหรือในภาชนะ และถ้าหากคุณมีเด็กๆ พวกเขาจะพบว่าสตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ปลูกง่ายที่สุดและได้ผลดีสุด มีหลายวิธีในการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ ให้เลือกวิธีที่เหมาะกับคุณมากที่สุดและพื้นที่ที่คุณมี

1.ระบุว่าสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ไหนเหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด สตรอว์เบอร์รี่มี 2 ประเภทแบบพื้นฐาน ซึ่งก็คือสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกเฉพาะหน้าร้อนและสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกได้ตลอด สตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกได้ในหน้าร้อนนั้นแบ่งเป็นช่วงต้น ช่วงกลางและช่วงปลายของหน้าร้อน มีสตรอว์เบอร์รี่อีกหลายสายพันธุ์ในแต่ละกลุ่มของสตรอว์เบอร์รี่ และบางประเภทก็อาจจะเหมาะกับสภาพอากาศของเรา ดังนั้นให้ลองถามร้านค้าทำสวนสำหรับคำแนะนำที่เจาะจงกว่านี้ โดยทั่วไปแล้ว พันธุ์สตรอว์เบอร์รี่มีดังนี้

-ตรอว์เบอร์รี่กลุ่มตลอดปี: นี่เป็นสตรอว์เบอร์รี่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะมันสามารถอยู่ได้ถึง 5 ปีหรือมากกว่านั้น มันจะออกผลในปริมาณหนึ่งตลอดทั้งปี (ปลูกด้านนอกในสภาพอากาศที่เหมาะสม หรือปลูกในภาชนะในบ้านตั้งไว้ตรงบริเวณที่เย็นๆ) เพราะลักษณะ 2 อย่างนี้เลยทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณกำลังมองหาสตรอว์เบอร์รี่ที่สามารถผลูกและให้ผลไปได้เรื่อยๆ

-สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์เฉพาะเดือนมิถุนายน: สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้จะออกผลสตรอว์เบอร์รี่ปริมาณมากในช่วงต้นฤดูร้อนไปถึงช่วงกลางของฤดูร้อน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการปลูก (พืชฤดูร้อนจะออกผลประมาณ 2 เดือนหลังจากที่ปลูก) ให้ซื้อสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้ถ้าคุณอยากได้ผลมาทำอาหารหรือนำมาแช่แข็ง

-สตรอว์เบอร์รี่กลุ่มกลางวัน (Day neutral strawberry plants): สายพันธุ์นี้คล้ายกับกลุ่มตลอดปีแต่มันจะออกผลน้อยกว่า สายพันธุ์นี้เหมาะสุดหากคุณอยากจะทานสตรอว์เบอร์รี่สดๆ จากพื้นดิน อัลไพน์สตรอว์เบอร์รี่: ต้นสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้เป็นสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์เล็กมาก ผลสตรอว์เบอร์รี่อาจจะเล็กแต่ก็เปี่ยมด้วยรสชาติ สตรอว์เบอร์รี่ชนิดนี้จึงเหมาะที่สุดที่จะนำไปทำแยม

2.หาต้นสตรอว์เบอร์รี่. ที่ร้านค้าทำสวนส่วนใหญ่มักจะมีต้นสตรอว์เบอร์รี่อยู่ แต่ถ้าคุณอยากได้สายพันธุ์ที่เฉพาะ ก็จำเป็นที่จะดูในอินเตอร์เน็ตหรือสั่งสายพันธุ์ที่อยากได้กับที่ร้าน มันจะเป็นประโยชน์หากได้รับคำแนะนำจากร้านทำสวนท้องถิ่นเกี่ยวกับสตรอว์เบอร์รี่ประเภทไหนที่โตได้ดีที่สุดในท้องถิ่นของคุณ

-ที่ดีที่สุดคือการซื้อต้นสตรอว์เบอร์รี่ในเวลาเดียวกันที่คุณวางแผนจะปลูกมันที่ดินหรือในภาชนะ การปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปในกระถางที่มาพร้อมกับที่นั้นจะทำให้รากมันพันกัน สุขภาพไม่ดี และมีไม่แข็งแรงพอที่จะเติบโตเมื่อนำไปปลูกใหม่

3.ให้ตรวจสอบว่าต้นสตรอว์เบอร์รี่ว่ามีโรคหรือสัญญาณว่ามันสุขภาพไม่แข็งแรง. ต้นสตรอว์เบอร์รี่ควรมีใบสีเขียวสดและไม่มีจุด ขอบสีน้ำตาล หรือปลายที่เหี่ยวเฉา ควรจะมีรากเยอะๆ และมีสีอ่อน

-ลองซื้อต้นสตรอว์เบอร์รี่ที่เป็นโรคยาก. แม้ว่าทางเลือกนี้ปกติแล้วมักจะมีราคาแพงกว่า แต่พืชเหล่านี้จะต้านทานเป็นโรคเชื้อรามาหมายที่สตรอว์เบอร์รี่มักจะมีความเสี่ยงที่จะเป็น

4.เลือกว่าจะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่ไหน. คุณสามารถปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้ทั้งแปลงดินในสวนหรือในภาชนะ แต่คุณก็ต้องให้สิ่งที่มันต้องการ เช่น ดิน และ ปุ๋ย ซึ่งก็แล้วแต่คุณเลย ลองพิจารณาพื้นที่ที่คุณมีและอุณหภูมิในพื้นที่ของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากจะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ตลอดปีในอากาศเย็นๆ ก็อาจจะลองปลูกใส่ภาชนะเพื่อที่จะได้เคลื่อนย้ายเข้าในบ้านหรือนำออกมานอกบ้านได้ง่ายระหว่างฤดูกาลต่างๆ

-สตรอว์เบอร์รี่สามารถเติบโตได้ดีลุ้นหวยในทุกสภาพอากาศ ยกเว้น อากาศที่ร้อนชื้นมากๆ

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

สีเสื้อมงคล เสริมดวงให้ปัง ประจำปี 2567

ความเชื่อเรื่องสีเสื้อมงคลเป็นเรื่องที่เถียงกันสามวันก็ไม่จบ เพราะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล หลายคนมีความเชื่อเรื่องการสวมใส่เสื้อสีมงคลประจำวัน หรือบางคนเชื่อเรื่องการสวมใส่เสื้อสีประจำวันเกิดของตัวเอง เชื่อว่า หากใส่เสื้อสีที่ถูกต้องแล้ว จะช่วยเสริมดวง เสริมอำนาจบารมี เสริมเรื่องโชคลาภ เงินทองไหลมารัวๆ

สีเสื้อมงคล วันจันทร์ สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีขาวบริสุทธิ์ สีครีมอ่อน สีเสริมดวงงาน : สีเขียวแก่ สีนำโชค : สีดำสนิท สีเทาดำ สีม่วงอ่อน สีให้โชคลาภเงินทอง : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีฟ้ายีนส์ สีฉุดดวง : สีแดงเลือดนก

สีเสื้อมงคล วันอังคาร สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีชมพูกลีบบัว สีเสริมดวงงาน : สีม่วงลาเวนเดอร์ สีเทาดำ สีนำโชค : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน สีให้โชคลาภเงินทอง : สีบลอนด์เงิน สีบลอนด์ทอง สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีแดงเลือดหมู สีฉุดดวง : สีเหลืองสว่าง

สีเสื้อมงคล วันพุธ สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีเขียวทุกโทน สีเสริมดวงงาน : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน สีนำโชค : สีบลอนด์เงิน สีบลอนด์ทอง สีให้โชคลาภเงินทอง : สีฟ้าอ่อน สีน้ำเงินกรมท่า สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีขาวบริสุทธิ์ สีครีมอ่อน สีฉุดดวง : สีชมพูสด สีบานเย็น

สีเสื้อมงคล วันพฤหัสบดี สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน สีเสริมดวงงาน : สีฟ้าอ่อน สีนำโชค : สีแดงทุกโทน สีให้โชคลาภเงินทอง : สีเหลืองสว่าง สีครีมสะอาด สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีเขียวทุกโทน สีฉุดดวง : สีดำสนิท สีม่วงเข้ม

สีเสื้อมงคล วันศุกร์ สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีฟ้าสดใส สีน้ำเงินเข้ม สีเสริมดวงงาน : สีเหลืองสว่าง สีขาวบริสุทธิ์ สีนำโชค : ชมพูอ่อน สีให้โชคลาภเงินทอง : สีเขียวพาสเทล สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน สีฉุดดวง : สีบลอนด์เงิน สีน้ำตาลไหม้

สีเสื้อมงคล วันเสาร์ สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีม่วงพาสเทล สีดำสนิท สีเทาดำเข้มๆ สีเสริมดวงงาน: สีบลอนด์เงิน สีน้ำตาลไหม้ สีนำโชค : สีฟ้าสดใส สีน้ำเงินเข้ม สีให้โชคลาภเงินทอง : สีแดงทุกโทน สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีชมพูกลีบบัว สีฉุดดวง : สีเขียวเข้ม

สีเสื้อมงคล วันอาทิตย์ สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีแดงทุกโทน สีเสริมดวงงาน : สีชมพูอ่อน สีนำโชค : สีเขียวใบไม้ สีให้โชคลาภเงินทอง : สีดำสนิท สีเทาดำ สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีบลอนด์เงิน สีบลอนด์ทอง สีฉุดดวง : สีน้ำเงินเข้ม

อย่างไรก็ตามการใส่เสื้อสีมงคลลุ้นหวย เป็นความเชื่อของส่วนบุคคล ขอให้เราแต่งตัวให้สนุกไม่เดือดร้อนใครแม้แต่ตัวเอง สำหรับคนที่ไม่เชื่อ ก็โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเช่นกัน

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

ตะลิงปลิง เปรี้ยวขึ้นตา แต่สรรพคุณเเละประโยชน์ดี๊ดี

ตะลิงปลิง ผลไม้เนื้อกรอบใสที่คิดถึงเมื่อไหร่รับรองว่าต้องมีน้ำลายไหลกันอย่างแน่นอน ด้วยรสชาติเปรี้ยวปรี๊ดถึงใจ ตะลิงปลิงจึงกลายเป็นผลไม้ยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่ชอบทานกันเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นตะลิงปลิงแช่อิ่ม เอามาจิ้มกับพริกเกลือลาว น้ำปลาหวาน หรือเอามายำก็คือที่สุดของความแซ่บซี้ด ตะลิงปลิงมีคุณประโยชน์ อัดแน่นซ่อนอยู่ภายในมากมาย นอกจากความอร่อยแซ่บสะใจ ยังมีคุณประโยชน์อีกหลายประการ

สรรพคุณ

-ดอกของต้นสามารถนำมาต้มเป็นชาสมุนไพรชงดื่มเพื่อรักษาและบรรเทาอาการไอและเจ็บคอได้ -ผลของต้นที่มีรสชาติเปรี้ยวจัด��ี้จะช่วยให้เจริญอาหารได้ดี อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลกระเพาะให้มีความเป็นปกติได้อีกด้วย -ส่วนขอใบสามารถนำมาบดเพื่อใช้เป็นยาสมุนไพรพอกคางทูมได้ -ราดของต้น สามารถนำมาใช้ในการรักษาอาการร้อนในและลดการอักเสบพร้อมทั้งบรรเทาริดสีดวงได้อีกด้วย

ประโยชน์ของตะลิงปลิง

-ช่วยให้เจริญอาหาร -เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย -มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก เพราะในตะลิงปลิงมีใยอาหารอยู่มาก ซึ่งไฟเบอร์ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น -ช่วยรักษาสมดุลของวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย -นำรากและใบของตะลิงปลิงมาพอกบนแผล จะช่วยสมานแผลได้เร็วขึ้น -นำใบของตะลิงปลิงมาบดและพอก ช่วยลดอาการคัน บวมแดง -นำใบของตะลิงปลิงมาบดและพอก สามารถบรรเทาอาการสิวอักเสบได้ -ช่วยบรรเทาอาการร้อนใน กระหายน้ำ -ช่วยขับเหงื่อ -ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร -ช่วยลดอาการปวดกระดูก ปวดข้อ -ช่วยลดไข้ บรร��ทาอาการไข้ -ช่วยบรรเทาอาหารไอ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้เสมหะเหนียว -ช่วยลดระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน -ช่วยควบคุมความดันโลหิต -ช่วยรักษาอาหารเลือดออกตามไรฟัน -เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยลดอาการท้องผูก มีส่วนช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร -ช่วยรักษา บรรเทาอาการอักเสบของลำไส้ -ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้อย่างปกติ -นำใบของตะลิงปลิงมาบดและพอก เพื่อรักษาโรคคางทูม -ช่วยป้องกันโรคจอประสาทาเสื่อม และโรคต้อระจก -มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดโอกาสของการเกิดโรคมะเร็ง -ช่วยบำรุงผิว ลดเลือนจุดด่างดำ และริ้วรอยแห่งวัย -ในตะลิงปลิงมีปริมาณธาตุเหล้กอยู่มาก ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง -ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (กามโรค)

คุณค่าทางสารอาหารของตะลิงปลิง 100 กรัม (เฉพาะเนื้อ)

-ให้พลังงาน 11 kcal -เส้นใยอาหาร 0.3 กรัม -โปรตีน 0.61 กรัม -วิตามินเอ 276 หน่วยสากล -วิตามินซี 2 มิลลิกรัม

ข้อควรระวังในการทานตะลิงปลิง

-ไม่ควรทานในปริมาณที่มากเกินไป -ผู้ป่วยโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการทานตะลิงปลิง -ไม่ควรรับประทานตะลิงปลิงตอนท้องว่าง -ไม่ควรทานตะลิงปลิงเป็นประจำทุกวัน -ไม่ควรทานตะลิงปลิงในขณะที่ร่างกายขาดน้ำ

เห็นไหมคะว่าตะลิงปลิงเป็นผลไม้ที่แฝงไปด้วยคุณประโยชน์อย่างมากมาย ที่สำคัญเลยคือนำมาลุ้นหวยกินได้หลายรูปแบบมาก ๆ ที่เห็นกันประจำ จะเป็นเมนูยำใส่ตะลิงปลิง ตำตะลิงปลิง แกงส้ม แกงคั่ว น้ำพริกตะลิงปลิง ต้มส้มปลาใส่ตะลิงปลิง ถึงจะมีแคลอรีน้อยและจัดเต็มไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ แต่ก็มีข้อควรระวังในการกินตะลิงปลิงเช่นเดียวกันค่ะ

0 notes

morgangansblog · 4 months

Text

เจาะ 6 สายพันธุ์และนิสัยแมว ที่ทาสแมว ต้องรู้

ว่าด้วยเรื่องแมวๆ ที่ชาวทาสแมวต้องรู้! รีกาลอส ชวนทาสแมวทั่วไทย มาทำความรู้จัก 6 สายพันธุ์แมวสุดป๊อป ยอดนิยมตลอดกาล ให้รู้ลึก รู้ซึ้งถึงนิสัยใจคอ พร้อมเทคนิคการดูแลเจ้าเหมียวแต่ละสายพันธุ์ ที่ไม่ว่าจะมือใหม่หัดเป็นทาสแมว หรือทาสแมวผู้เชี่ยวชาญควรรู้ไว้ จะได้ไม่ขัดใจเหมียว ต้องบอกเลยว่าบนโลกนี้มีแมวหลากหลายสายพันธุ์ให้ทาสแมวได้เลี้ยง รีกาลอส จึงคัดสายพันธุ์เจ้าเหมียวตัวท็อป หน้าตาน่าเอ็นดู ที่ใครเห็นก็ต้องตกเ��็นทาสมาฝากกัน

แมวไทย เลี้ยงไว้เสริมดวงปัง

แมววิเชียรมาศ ยืนหนึ่งเรื่องแมวสายพันธุ์ไทย ที่โด่งดังจนต่างชาติรู้จักและหลงรักเป็นที่สุด คือ ‘แมววิเชียรมาศ’ หรือ แมวสยาม (Siamese Cat) ว่ากันว่าแมววิเชียรมาศเป็นแมวไทยโบราณ ที่จะช่วยเสริมดวงเรื่องโชคลาภให้กับผู้เลี้ยง หากใครเลี้ยงไว้รับรองว่าได้ดิบได้ดีในหน้าที่การงานและการเงินแน่นอน

ลักษณะสายพันธุ์ ความน่ารักของแมววิเชียรมาสอยู่ที่ แต้มสีน้ำตาลเข้ม 9 จุดบนตัว ได้แก่บริเวณ ปลายเท้าทั้ง 4 ข้าง ปลายหูทั้ง 2 ข้าง ปลายหาง จมูกและที่อวัยวะเพศของเจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้ แถมแต้มสีน้ำตาลยังเปลี่ยนสีตามฤดูกาล มีนัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกาย และสีขนครีมอ่อนๆ น่าเอ็นดูเป็นที่สุด และที่สำคัญ ไม่ว่าจะนำแมววิเชียรมาศไปผสมกับสายพันธุ์ไหน ลูกแมวที่ได้จากการผสมพันธุ์ก็จะออกมามีแต้มสีตามแบบฉบับของแมววิเชียรมาศเปี๊ยบ

นิสัยชวนหลง แมววิเชียรมาศถือเป็นแมวที่ฉลาด เป็นมิตรและติดคนมาก มีลักษณะนิสัยเป็นนักล่าที่ชอบกินเนื้อสัตว์ จึงสังเกตและสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นพิเศษ แถมยังขยันพูดกับเจ้าของอีกต่างหาก

เทคนิคดูแล ด้วยความเป็นแมวไทย จึงไม่เรื่องเยอะ แมววิเชียรมาสขนสั้น สามารถเลียขน ทำความสะอาดตัวเองได้อย่างดี ทาสแมวสามารถ Grooming ง่ายๆ ด้วยการอาบน้ำเดือนละครั้ง แต่อย่าลืมเช็ดใบหู ตัดเล็บ และดูฟันของเจ้าเหมียวให้ดี และจะดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเลือกให้อาหารแมวที่มีส่วนผสมของปลาเป็นสำคัญ พร้อมบำรุงขนสวยๆ ให้อยู่กับเจ้าเหมียวไปนานๆ และบำรุงสายตาให้เปล่งประกายอยู่เสมอ

แมวสีสวาด ยืนหนึ่งเรื่องความเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาไม่หยุด ไม่พัก ต้อง ‘แมวสีสวาด’ หรือแมวโคราช (Korat Cat) แมวมงคลที่ไทยส่งเข้าประกวด หนึ่งในแมวสายพันธุ์ไทยยอดนิยมที่คนไทยมักมอบให้กันเป็นของขวัญ และได้รับความนิยมมากจากชาวต่างชาติอีกด้วย

ลักษณะสายพันธุ์ แมวขนสั้นสีเงินเข้ม แซมด้วยขนสีประกายเงิน มีหมัดเด็ดมัดใจทาสแมวทั่วโลกอยู่ที่ นัยน์ตาสีฟ้าสดใส กลมโตที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด เมื่ออยู่ในวัยกำลังเติบโต และเป็นสีเขียวหรือเหลืองอำพัน เมื่อโตเต็มวัย ลำตัวขนาดกลาง หางยาวเรียว และหากมองด้านหน้า ส่วนหัวของแมวสีสวาดจะเป็นรูปหัวใจ

นิสัยชวนหลง แมวสีสวาดเป็นแมวฉลาดและรักเจ้าของเป็นที่สุด เป็นแมวใจดีที่เข้ากันได้ดีกับคนแปลกหน้า สัตว์ตัวอื่นๆ และแมวตัวอื่นในบ้าน ไม่ค่อยวิ่งหนีหาย เวลามีแขกมาเยี่ยมบ้านสักเท่าไหร่

เทคนิคดูแล ด้วยนิสัยติดเจ้าของ ดังนั้นจึงต้องการการดูแลเอาใจใส่มากๆ ตัวติดเจ้าของหนึบหนับกันเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากเลี้ยงแมวสีสวาดให้มีขนหนานุ่ม ต้องให้อาหารแมวที่บำรุงขน อาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง และต้องระวังไม่ให้มีเสียงดัง อึกทึกครึกโครม เพราะแมวสีสวาดหูไวมาก อาจจะเครียดได้ในทันที

แมวต่างชาติ ขนนุ่มมากบอกเลย

แมวเปอร์เซีย ทาสแมวที่หลงรักในความนุ่ม ฟู และหน้าตาน่าเอ็นดูของ ‘แมวเปอร์เซีย’ (Persian) ต้องตาลุกวา แมวเปอร์เซียเป็นราชินีแมวจากแถบเปอร์เซีย ดินแดนตะวันออกกลาง ด้วยขนฟูๆ นุ่มๆ หน้าตาน่าเอ็นดู และความอ่อนโยนนี้ ทำให้แมวเปอร์เซีย ขึ้นแท่นเป็นแมวที่ฮอตฮิตมากในหมู่ทาสแมวทั้งหลาย

ลักษณะสายพันธุ์ แมวเปอร์เซียเป็นแมวขนฟู นุ่มหนา มันวาว ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่ขนสวยที่สุด หน้ากลม กระดูกใหญ่และแข็งแรง แตกต่างจากแมวไทยอย่างเห็นได้ชัด ด้วยลักษณะของเครื่องหน้าที่มีหน้าผากโหนก หน้าแบน แก้มแน่น ตาแป๋ว กลมโต และมีจุดเด่นที่จมูกหัก สามารถสังเกตได้จากด้านข้างอย่างชัดเจน

นิสัยชวนหลง ความอ่อนโยนนี้ มีหรือทาสจะไม่หลง แมวเปอร์เซียเป็นมิตร เข้ากับคนได้ง่าย ขี้อ้อนเป็นที่หนึ่ง แถมยังมีไหวพริบดีอีกต่างหาก เป็นแมวรักสงบ ชอบชีวิตเรียบง่าย ไม่ชอบเสียงดังและไม่ให้ใจใครง่ายๆ

เทคนิคดูแล ต้องใส่ใจในเรื่องการดูแลขนเป็นพิเศษ หมั่นแปรงขนเป็นประจำทุกวัน แปรงเน้นๆ ในจุดที่เจ้าเหมียวไม่สามารถเอื้อมถึงได้เอง เพื่อป้องกันขนพันกัน การเพาะเชื้อของเชื้อโรคต่างๆ เช่น เชื้อราแมว อาบน้ำเดือนละหนึ่งครั้ง และเหมาะสำหรับเลี้ยงในระบบปิดเป็นที่สุด! สำหรับใครที่อยากเลี้ยงเจ้าเหมียวพันธุ์เปอร์เซีย ต้องดูแลสุขภาพดวงตาของแมวให้ดี หมั่นเช็ดคราบตาให้สะอาด เพราะจะมีน้ำตาไหลเยอะกว่าแมวพันธุ์อื่น รวมถึงปัญหาสุขภาพตา เช่น เชอร์รี่อาย และหนังตาม้วน เป็นต้น

แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ‘แมวบริติช ชอร์ตแฮร์’ (British Shorthair) แมวสายพันธุ์เก่าแก่อิมพอร์ตจากเกาะอังกฤษ โดดเด่นด้วยสีขนสีเทาเข้ม หนานุ่มน่ากอด พร้อมด้วยลุคคูลๆ เท่ๆ แต่เป็นมิตรกับทุกคน ทำให้เจ้าเหมียวสายพันธุ์บริติช ชอร์ตแฮร์ ครองใจทาสแมวทั่วโลก

ลักษณะสายพันธุ์ เจ้าเหมียวพันธุ์นี้มีลำตัวกะทัดรัด แข็งแรง มีลักษณะหัวกลม รับกับใบหูขนาดเล็ก คอสั้น แก้มยุ้ย ดวงตากลมโต อกหนา ขาแข็งแรง อุ้งเท้ากลม มีหางหนา ปลายมน และมีจมูกที่ค่อนข้างสั้นเหมือนตุ๊กตา

นิสัยชวนหลง มีนิสัยรักสงบ ไม่ชอบเสียงดัง มารยาทดีประหนึ่งผู้ดีอังกฤษ จึงไม่มีนิสัยทำลายข้าวของ และไม่เรียกร้องความสนใจมากเกินไป แต่ก็ช่างเอาใจและสนใจเจ้าของ ไม่จำเป็นต้องอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก หรือเดินไปไหน เจ้าเหมียวก็พร้อมจะเดินตามเจ้าของต้อยๆ ตลอดเวลา แอบมีพลังงานสูงมาก จึงชอบออกกำลังกายเป็นพิเศษ

เทคนิคดูแล วิธีดูแลเจ้าเหมียวพันธุ์บริติช ชอร์ตแฮร์นั้นไม่ยาก แค่แปรงขนด้วยหวีโลหะซี่ห่างๆ เพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ตัดเล็บ เช็ดคราบน้ำตา และดูแลสุขภาพฟันของเจ้าเหมียวให้แข็งแรงก็พอ

แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ ‘แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์’ (American Shorthair) แมวบ้าพลัง คึกคัก เล่นสนุกตลอดเวลา เป็นแมวขนสั้นพื้นเมืองของสหรัฐอเมริกา ที่มีต้นกำเนิดอยู่ฝั่งยุโรป และมีบรรพบุรุษเป็นแมวบริติช ชอร์ตแฮร์นั่นเอง

ลักษณะสายพันธุ์ แมวขนาดกลาง-ใหญ่ที่มีพลังมากเป็นพิเศษ มีกล้ามเนื้อและกระดูกหนัก ตัวกลมหนา คอหนา อกกว้าง กรามแข็งแรง พัฒนามาจากแมวที่เลี้ยงไว้เพื่อจับหนูในบ้านหรือฟาร์ม ขนแน่น มีลวดลายสำหรับอำพรางตัว

นิสัยชวนหลง ติดเล่นเป็นที่หนึ่ง คึกคักได้ทุกเวลา เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่ต้องการเอาใจใส่มากนัก เป็นมิตรและน่ารักกับทุกคน มีสัญชาตญาณการเป็นนักล่าสุดๆ ถ้าเลี้ยงแมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ไว้ รับรองว่าได้ของขวัญเป็นแมลง นก หนู หรือสัตว์ที่ไปไล่ล่ามาได้จากเจ้าเหมียวแน่นอน

เทคนิคดูแล เลี้ยงเจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะเลี้ยงอย่างไรให้เอาอยู่นั้นยากมากบอกเลย! เพราะเอเนอจี้เหลือล้นมาก ขี้เล่นสุดๆ ทำให้เป็นแมวที่ฝึกยากเป็นพิเศษ และควรเลี้ยงในระบบปิด เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่เจ้าเหมียวจะได้รับจากการออกไปเล่นสนุกจนลืมตัว นอกจากนี้ยังควรแปรงขนบ่อยๆ เพราะขนของเจ้าเหมียวจะหนาขึ้นหรือบางลงตามฤดูกาล และด้วยนิสัยที่ชอบกินจุกจิกระหว่างวัน เจ้าของต้องระวังเรื่องน้ำหนักตัวเป็นพิเศษ อย่าปล่อยให้อ้วนเกินไป เดี๋ยวโรคร้ายอื่นๆ จะตามมา

แมวสก็อตติช โฟลด์ ปิดท้ายด้วยเจ้าเหมียวยีนส์ด้อยที่น่ารักที่สุดอย่าง สายพันธุ์ ‘สก็อตติช โฟลด์’ (Scottish Fold) เจ้าเหมียวหัวกลมเหมือนนกฮูก เป็นแมวหน้าแป้น หูพับจากประ��ทศสกอตแลนด์ และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่คนนิยมเลี้ยงมากที่สุดในโลก

ลักษณะสายพันธุ์ แมวสายพันธุ์สก็อตติช โฟลด์จะเป็นแมวที่ตัวกลม หัวกลม ช่วงลำคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ หูพับ จมูกโค้งกว้างรับกับดวงตา และปากโค้งรับกับคางพอดีเป๊ะ เหมือนกำลังยิ้มอยู่ตลอดเวลา ส่วนขนของเจ้าเหมียวนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ ขนสั้นนุ่มแน่น กับ แบบขนยาว ซึ่งมีทั้งแบบยาวปานกลาง แบบมีขนยาวที่ปลายเท้า ปลายหาง และปลายหู

นิสัยชวนหลง เป็นแมวขี้เหงานิดๆ ที่อยากอยู่ติดกับเจ้าของตลอดเวลา อ่อนไหวง่ายและชอบแสดงอารมณ์ออกมาให้ผู้เลี้ยงได้รับรู้ ไม่ค่อยส่งเสียงดังสักเท่าไหร่ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ที่ท่านั่งพักพุงสุดคิวต์ และท่านอนหงายแผ่หลาบนพื้น ที่ชวนให้เข้าเป็นเล่นด้วยเป็นที่สุด

เทคนิคดูแล การดูแลขนของเจ้าเหมียวพันธุ์นี้ ไม่ยุ่งยาก ถ้าขนสั้น แค่แปรงขนให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หมั่นทำความสะอาดเอาขนที่ร่วงออกมา แต่ถ้าขนยาวอาจจะต้องแปรงบ่อยขึ้น สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ไม่ต้องอาบน้ำบ่อย ดูแลฟัน ตัดเล็บ เช็ดทำความสะอาดรอบดวงตาให้น้อง และอย่าลืมเช็ดทำความสะอาดบริเวณหูที่พับลงมาให้ดี เพราะอาจมีสิ่งสกปรกสะสม

นอกจากเจ้าเหมียวสายพันธุ์ไทยและต่างชาติเหล่านี้แล้ว ยังมีอีกหลายสายพันธุ์ ให้เหล่าทาสแมวได้เลือกเลี้ยง ทั้งแมวไทยโบราณอื่นๆ อย่างแมวขาวมณี แมวศุภษลักษณ์ แมวโกนจา ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ ก็จะช่วยเสริมดวงให้เฮง ปัง ไม่แพ้แมววิเชียรมาศ และแมวสีสวาดเลยสักนิดลุ้นหวย ส่วนแมวสายพันธุ์ต่างชาติอย่าง ก็ยังมีสายพันธุ์น่าเลี้ยงอีกมากมาย ทั้งแมวเมนคูน ที่มีขนสวยเหมือนลูกเสือดาวตัวน้อย แมวเบงกอลก็เท่อย่าบอกใคร นอกจากนี้ยังมีแมวอเมริกันเคิร์ล แมวเอ็กโซติก และอีกมากมาย ที่ทาสแมวทั่วโลกนิยมเลี้ยงกัน

0 notes